Start: | Aug 9, '08 |
End: | Aug 17, '08 |
Location: | Indonesia |
ดูรูปที่ทางทัวร์เขาไปกันมาเมื่อตอนช่วงเมษาแล้วกิเลสพุ่งปี๊ดเลยครับ
(ตอนนี้ไปและกลับมาแล้วเลยเอารูปที่ถ่ายเองมาลงแทนรูปเดิมครับ 19 Aug 08)
โปรแกรมการเดินทางที่ทางทัวร์จัดไว้ มีดังนี้ครับ...
โปรแกรมเดินทาง
วันแรกของการเดินทาง ( กทม. – จาร์การ์ต้า - สุราบายา เริ่มต้นที่สนามบิน สุราบายา)
ออกเดินทาง จาก กทม. ไปสู่ สนามบินนานาชาติ สุราบายา ของ เกาะชวา ตะวันออก พบกับ รถ ที่มารอรับเรา แล้ว ออกเดินทาง ขึ้นสู่ ภูเขาไฟ โบรโม่ (ทานอาหารกลางวันระหว่างเดินทาง [1]) เข้าพัก ที่ Cemero Lawang ( เข้าพักที่ Caf? Lava หรือ Lava View) ทานอาหารเย็น [2] ชมวิว พระอาทิตย์ตก บนขอบภูเขาไฟ โบรโม่ พลาโต
วันที่สองของการเดินทาง (โบรโม่–พีนาจากัน–ปล่องภูเขาไฟ โบรโม่– Bondowoso – คาวาอีเจี้ยน )
03.00 น. ตื่นเช้า เพื่อออกเดินทางด้วยรถจี๊บ ขึ้นไปสู่จุดชมวิว ของ ภูเขาไฟโบรโม่ ที่ ยอดเขาพีนาจากัน สูง 2700 เมตร ชมวิว พระอาทิตย์ขึ้น และ วิวที่เรียงรายกัน ของ ภูเขาไฟ ในที่รายสูง โบรโม่ ตั้งแต่ ปล่องภูเขาไฟ โบรโม่ จนถึง ภูเขาไฟ ซีเมรุ (เลียนชื่อมาจาก เขาพระสูเมรู ของ ฮินดู) ซึ่งยังคงปล่อยควัน ออกมาเป็นระยะๆ เป็นวิว ที่สวยงามขนาดที่ฝรั่งเค้าว่า ลืมหายใจ เลยทีเดียว หลังจากนั้นก็ใช้รถจี๊บคันเดิม ลงจากยอดเขาพีนาจากัน ลงไปในแอ่งทะเลทราย ของปล่องภูเขาไฟโบรโม่ จนถึง ปากปล่อง ภูเขาไฟ ที่พ่นควันขาวออกมา ตรงนี้ถ้าใครมีแรง ก็ เดินขึ้นไปเองได้เลยนะครับ หรือ ไม่ก็ลองดู จ้างม้า ขึ้นไปส่งก็ได้นะครับ
07.00 น. กลับจาก ชมวิวภูเขาไฟ มารับประทานอาหารเช้า [3] ที่บ้านพัก แล้ว สายๆ เตรียมตัว อาบน้ำ เก็บสัมภาระ เตรียมตัว ออกเดินทางไปต่อกันที่ คาวาอีเจี้ยน ถ้านอนไม่พอ นอนต่อในรถนะครับ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน[4] ระหว่างการเดินทาง คงเป็น Rumah Makan (ภัตตาคาร) สักแห่ง นะครับ
เย็น ทานอาหารเย็น ที่ Bondowoso [5]เดินทางถึง ที่พัก Arabica Homestay หรือ Catimur สุดท้าย ก่อนจะต้องเดินขึ้น ปากปล่องภูเขาไฟ อีเจี้ยน เย็นนี้ รีบทานอาหารเย็น และต้องรีบนอน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงเราต้องตื่นกันแล้ว
วันที่สามของการเดินทาง (เปลวไฟสีน้ำเงินแห่งคาวาอีเจี้ยน–บันยุงวางี–บาหลี–ทานาฮลอต – อุบุด )
02.00 น. ตื่นเช้า เริ่มต้นออกเดินเท้า จาก ที่พัก เดินทางไปอีก 30 นาที แต่รับรองว่าคุ้มครับ ทางเดินโล่ง ง่าย แต่ชันบางช่วง ใช้เวลา ไปจนถึงปากปล่อง ภูเขาไฟ ก่อนพระอาทิตย์ ขึ้น (ขึ้นตอนตี่สี่) หากไปถึง ก่อนแสงพระอาทิตย์จะมา จะเห็นเปลวไฟสีน้ำเงิน ของ กำมะถันเหลว ที่พ่นออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟ ราวกับนิยายเรื่องลอร์ดออฟเดะริง เลยทีเดียว จนกระทั่ง ขอบฟ้าเริ่มสว่าง จึง ขึ้นมาที่ ขอบปล่อง ชมพระอาทิตย์ขึ้น และ วิวทิวทัศน์ แบบดาวอังคาร ทะเลสาบในปล่องสีเขียวเข้ม เมื่อยามแสงแดดส่อง เป็นภาพที่ท่านจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต เลยทีเดียว (ลงไปในปล่องควัน กำมะถันจะแรง หน่อยนะครับ เตรียมผ้า ไปปิดจมูกด้วยจะดีมากเลย)
08.00 น. ลงจากปล่องภูเขาไฟ มาที่ บ้านพัก เพื่อทานอาหารเช้า [6] ชดเชยการออกกำลัง มาตั้งแต่ ตี 2 แล้วครับ รีบเก็บของ ลงไปทางบันยุงวางี ข้ามเรือ เฟอรี่ สู่เกาะบาหลีเถอะครับ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน[7] ระหว่างการเดินทาง
บ่าย ข้ามเฟอรี่ จากเกาะ จาวา มาที่ บาหลี แล้ว เวลาจะปรับเดินหน้า อีก 1 ชั่วโมง ข้ามมาที่ กิลิมานุก ซึ่งยังเหมือ ระยะทาง อีก 120 กม. จึงจะถึง อุบุดนะครับ (3 ชม.)
เย็น ถ้าหากไปทัน ก็จะไปชมวิวพระอาทิตย์ตกทะเล สุดแสนคลาสสิค ของเกาะบาหลี ที่วัดทานฮลอต
ค่ำๆ รับประทานอาหารเย็น[8] ย่านอุบุด อาจจะลองเลือกร้าน ที่มี ชมระบำ เลงอง หรือ เคเคกซ์ แดนซ์ อันนี้ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานะครับ ว่าจะจัดขึ้นที่ไหน เดี๋ยวไกด์เราจะเป็นคนแนะนำ แล้วจากนั้น ก็ ฟรีสไตล์เดินเล่น ย่านมังกี้ฟอร์เรส ที่เป็นไปด้วยร้านรวง และ ผับมากมาย เป็นย่านพับสตรีท ใจกลางอุบุด แล้ว พาเข้าที่พัก แบบบังกาโลว์ โฮมเสตย์ ที่อุบุด (บ้านพักย่านอุบุด จะเป็น บ้านผู้ดีเก่า ที่มาสร้างบังกาโลว์ ในพื้นที่บ้านของตัวเอง ซึ่งห้องพักอยู่ในระดับที่ดีมาก มีน้ำอุ่น และ ห้องน้ำในตัว และ ท่านจะได้บรรยากาศน่ารักๆ ในแบบแฟมิลี่ และ สวนสวยๆ แบบบาหลี)
วันที่สี่ของการเดินทาง (อุบุด –วัดอุลุนดานัว –ตลาดชอปปิ้ง–วัดอูตูวาลู–อุบุด)
เช้า ทานอาหารเช้าอาหารเช้า[9] แล้ว ใครจะไปเดินเล่นรอบๆ อุบุดก็ได้นะครับ 10.00 น. มาเจอกันที่ ลอบบี้ เพื่อเดินทางไปยัง วัดทามานอยุน (Taman Ayun) วัดที่ใหญ่อันดับ 2 ของเกาะบาหลี แล้วขึ้นภูเขาไปที่ วัดที่สวย 1 ใน 6 ของบาหลี ที่ทะเลสาบบราตัน เบดูกูล และ วัด อุลุนดานัว
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน[10] ร้านอาหารย่านเบดูกูล แบบ บุฟเฟต์
บ่าย เดินทางไปที่ ตลาด สุกาวาตี (แทนตลาดปราบเซียน) ซึ่งเป็นย่านขายสินค้าส่ง ของที่ระลึก มีของให้เลือกมากมาย ในราคาขายส่งครับ แต่ก็ต้องต่อราคาเยอะๆ นะครับ
ค่ำ รับประทานอาหารเย็น [11] แล้วพักที่อุบุด เช่นเดิม
วันที่ห้าของการเดินทาง (อุบุด–ถ้าช้าง–กุนนุงกาวี–Tirta Empul–กินตามานี – วัดเบซากี – กลุงกลุง )
เช้า วันนี้ทัวร์รอบใหญ่ของเกาะบาหลี หลังอาหารเช้า[12] เราก็ออกทัวร์รอบเกาะบาหลี แบบแกรนด์ทัวร์ เส้นทางฝั่งตะวันออก เริ่มจาก ถ้ำช้าง ถ้ำที่แกะสลัก เข้าไปในหน้าผา ภายในมี รูปสลัก ของ ศิวะลึงค์ และ พระพิฆเนศ อายุกว่าพันปี แล้ว ไปต่อที่ กุนนุงกาวี (Gunnung Kawi) วัดที่แกะสลัก ลึกเข้าในหน้าผาหินภูเขาไฟ ท่ามกลางทุ่งนาขั้นบันไดสวยงาม แล้ว จากนั้น ไปที่ น้ำพุศักดิ์สิทธิ์ Tirta Empul น้ำพุสีเขียวอมฟ้า ผุดจากพื้นดิน เชิงภูเขาไฟ เอกุง ซึ่งชาวบาหลี เชื่อว่า การได้อาบน้ำ จากน้ำพุนี้ เป็นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ และ ผมว่าน่าจะเป็นต้นกำเนิด ของ สปา ด้วยครับ
เที่ยง ทานอาหารบุฟเฟต์ [13] ที่ กินตามานี ร้านที่อยู่ ปากปล่องภูเขาไฟ ทานอาหาร พร้อมชมวิว ภูเขาไฟ บาตูร์ และ ทะเลสาบ กับ เมืองที่อยู่ภายในปล่องภูเขาไฟ
บ่าย พาท่านชมวัดฮินดูที่เก่าแก่ และ ใหญ่ที่สุด บนเกาะบาหลี (เกาะบาหลี เป็นเกาะที่มีประชาชน ฮินดู 93% ทั้งที่ประเทศอินโดนีเซีย ส่วนใหญ่ เป็น มุสลิม) ทุกๆวัน จะมีผู้คนมากมาย แต่งตัวในชุดแบบ บาหลี เข้ามาทำบุญ มากมาย ทำให้รับรู้ถึง ศรัทธา ที่ยังคงแน่นเฟ้นกับศาสนา ของผู้คนบนเกาะบาหลี แล้ว ต่อจากนั้น ชมพระราชวัง ที่สร้างขึ้น ใน ยุคใต้การปกครองของ ดัตช์ ชื่อว่า กลุงกลุง
เย็น รับประทานอาหารเย็น [14] เป็น บาร์บิคิว อาหารทะเล ที่ชายหาด จิมบารัน (Jimbaran) แล้ว เดินทางเข้าสู่ที่พัก ย่านชายหาดกูตา
วันที่หกของการเดินทาง (อุบุด บินสู่จ๊อกจาร์ – วังสุลต่าน – บูโรพุทโธ – Wonnosobo )
06.30 น. เดินทางสู่ สนามบิน เดนปาร์ซาร์ ซึ่งห่างจาก กูตาเพียง 15 นาที เช็คอินเที่ยวบิน สู่ เมือง จ๊อกจาการ์ตาร์
08.00 น. เดินทางถึง จ๊อก ทานอาหารเช้า [15] แล้วไปที่ พะราชวังเก่า ของ สุลต่านเห่ง จ็อกจาร์การ์ตา และ ปราสาทน้ำ ( kraton & Water Castle) พร้อมเดินเล่น ย่านเมืองเก่า
11.00 น. ออกจากเมืองเดินทาง 45 กม. สู่ บูโรพุทโธ
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน [16] ระหว่างเส้นทาง
บ่าย เต็มอิ่ม กับ โบราณสถาน ที่สร้างด้วยหิน ในศาสนาพุทธ ที่ยิ่งใหญ่ ที่สุดในโลก ประกอบขึ้นด้วยก้อนหินภูเขาไฟ แกะสลัก กว่าหนึ่งล้านก้อน มีทั้งหมดห้าชั้น มีระเบียงภาพแกะสลัก พุทธประวัติ ตลอดทั้งสองฝั่ง ให้ท่านเดินวน ทักษิณาวัตร ขึ้นสู่ ยอดเจดีย์ ของ บูโรพุทโธ
17.00 น. หลังเก็บแสงสีทองยามเย็น ที่ บูโรพุทโ แล้ว ออกเดินทาง สู่ Wondosobo บนเชิงที่ราบสูง เดียงพลาโต รับประทานอาหารเย็น [17]
วันที่เจ็ดของการเดินทาง (เดียงพลาโต–KawahSikidang–ColorLake–Ajurna - พราหมบานัน )
07.00 น. หลังอาหารเช้า [18] ออกจาก ที่พักใน Wondosobo มุ่งหน้าขึ้นสู่ ที่ราบสูงเดียงพลาโต ระยะทาง 26 กม. ชมวิวสวยงามระหว่างทาง
เช้า บนเดียงพลาโต ยามเช้า นั้นเหมาะ แก่การท่องเที่ยวมากที่สุด เพราะ คล้อยบ่ายจะถูกเมฆปกคุลม ฉะนั้น เราจะเริ่มเที่ยวด้วย ทะเลสาบสีเขียวมรกต ( Color Lake ) เดินขึ้นจุดชมวิว ประมาณ 15 นาที ยิ่งแดดแรง สีเขียวเข้ม จากน้ำในทะเลสาบ ที่ทำปฎิกิรกยา กับ ธาตุ ที่ออกมาจาก ภูเขาไฟ ก็ยิ่งชัด จากนั้น ไปชมบ่อโคลนเดือด อุณหภูมิกว่า 100 องศา Kawah Sikidang และ ยังมี โบราณสถาน ของ ฮินดู ในยุคแรก ของศาสนาฮินดู บนเกาะ ชวา คือ Candi Bima และ Candi Ajurna
เที่ยง กลับมา รับประทานอาหารกลางวัน[19] ที่ Wondosobo พร้อม เก็บสัมภาระ ออกจากโรงแรม
บ่าย ลงมาจาก เดียงพลาโต มาที่ โบราณสถาน ของ ศาสนา ฮินดู ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนเกาะ ชวา พราหมบานัน กลุ่มของ อาคารที่สร้างจากหินภูเขาไฟแกะสลัก เต็มไปด้วย ภาพแกะสลักในศาสนาฮินดูมากมาย ปรางค์ องค์กลางนั้น สูงถึง 47 เมตร ซึ่งหากเทียบ โบราณสถาน ในยุดเดียวกัน ความสูงจะเป็นรอง ก็เพียง บูโรพุทโธ และ นครวัดเท่านั้น
เย็น รับประทานอาหารเย็น [20] ที่ จ๊อกจาร์การ์ต้า แล้ว ขึ้นสู่ Kaliurang เพื่อชมวิว ภูเขาไฟเมอราปี แบบใกล้ๆ
ค่ำๆ ท่านอาจจะได้เห็น ลาวาไหล ออกจากปากปล่องภูเขาไฟ เมอราปี (ขึ้นกับดวงนะครับ)
วันที่แปดของการเดินทาง (Merapi – Candi Cetho – Candi Sukuh – Solo)
เช้ามืด เดินทางขึ้นมาชมวิว ยามเช้า พระอาทิตย์ขึ้น ของ ภูเขาไฟเมอราปี ที่ หมู่บ้าน Kaliu Adam ทานอาหารเช้าแบบปิคนิค [21]
08.00 น. หลังอาหารเช้า ลงจาก kaliurang แล้ว มุ่งหน้า สู่เมือง สุราการ์ตาร์ หรือ โซโล
เที่ยง รับประทานอาหารกลางวัน [22] ระหว่างเส้นทาง
บ่าย ชมโบราณสถาน ที่ยังคงหลงเหลือ กลิ่นอายของ อารยธรรมจาวา โบราณ รูปสลักลวดลาย จาวา และ สิ่งก่อสร้างโบราณรูปทรงปิรามิด ซึ่ง ออกจกคล้ายๆ ไปทางอารยธรรมอินคาเสียมากกว่า ที่วัด Candi Sukuh และ Candi Cetho และ ชมไร่ชา ที่สวยงาม ของ เชิงภูเขาไฟ Lawu
เย็น รับประทานอาหารเย็น [23] ใน โซโล เป็น Nasi Liwet ข้าวแกงที่มีชื่อเสียงของโซโล หาทางได้ที่นี่เท่านั้น แล้ว เข้าที่พัก เตรียมตัว จัดกระเป๋าเดินทาง ขึ้นเครื่องบิน
วันที่เก้าของการเดินทาง ( โซโล – กทม.)
เช้า ทานอาหารเช้า [24] แล้ว เดินทางไปที่สนามบินนานาชาติ โซโล
อยากไป แต่นานจังไม่ไหวค่ะ
ReplyDeleteคุ้มมากๆครับทริปนี้ ได้ไปเยอะมากๆ ผมพึ่งกลับจากอูบุดมาเมื่ออาทิตย์ก่อน ต้องบอกว่าอากาศเย็นมากๆครับ กลางคืน(ขนาดเป็นหน้าร้อนนะครับ) ไม่ได้เตรียมเสื้อกันหนาวไปเลย แบบบางๆก็น่าจะดีครับ แต่เป็นห่วงทริปวันที่ 5 คงเหนื่อยน่าดูเลยล่ะครับ เพราะต้องเดินขึ้นลงเขาเยอะ อย่าลืมฟิตนะครับ สุดท้ายต้องบอกว่าอิจฉามากๆครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ...
ReplyDelete