เที่ยวตุรกี เมืองสองทวีป กับมุสลิมบนวัฒนธรรมและศิลปแบบกรีกโรมัน - Tour Turkey

โปรแกรมเที่ยวตุรกีแบบชิลล์ชิลล์
คนประเทศนี้หน้าตาดีทู๊กคน... นอกจากผู้คนแล้ว ภูมิประเทศก็แปลกตาน่าประหลาดใจ แถมยังมีสิ่งมหัศจรรย์ของโลกถึง 2 แห่งอยู่ที่ประเทศนี้ด้วย เรียกว่าไปครั้งเดียวก็คุ้มแล้ว เราไปแบบเรื่อยๆเปื่อยๆ ไม่มีหมายกำหนดการอะไรมากนัก เพราะมีเวลาถึงครึ่งเดือนที่จะอยู่ที่นั่น สุขจังแต่ตังค์หมดกระเป๋าเลย

เอาอย่างนี้ดีกว่า เราจัดโปรแกรมเที่ยวตุรกีแบบง่ายๆให้ จะได้ไม่เปลืองเงิน ไม่เปลืองเวลามากนัก แต่เป็นโปรแกรมแบบ เข้าแต่ละที่เต็มอิ่มนะครับ ไม่ใช่ซื้อทัวร์ไปตุรกีแล้วเที่ยวแบบวิ่งผ่านให้ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน แล้วรีบไปต่อที่อื่น ถ้าจะทำแบบนั้นล่ะก็ ลดวันลงไปได้อีกสับสองถึงสามวันครับ
คืนแรกเดินทาง
หาเครื่องไปลง Istanbul ถ้าเป็นเตอกิช แอร์ไลน์ จะมีวันที่เครื่องออกตอนบ่าย ถึงอิสตันบูลตอนดึก กับวันที่เครื่องออกตอนดึก แล้วไปถึงตุรกีตอนเช้า ให้เลือกไปถึงตุรกีตอนเช้า
วันแรกของการท่องเที่ยวในตุรกี
ไปถึงแล้วก็ซื้อตั๋วเครื่องบินต่อไปยังเมือง Nevsehir (เนฟ ฟี เชีย แต่สองคำหลังอ่านออกเสียงควบกันจนฟังเป็น เนฟเชีย) มีไฟท์เช้าครับ แล้วก็ไม่ต้องย้ายสนามบินด้วยเพียงแต่ต้องเดินมาอีกเทอร์มินอลนึงที่เป็นอาคารบินภายในประเทศ ก็เท่านั้นเองไม่ยากเลย เราจะยังไม่เที่ยวใน Istanbul ครับ เก็บเอาไว้เที่ยวช่วงสุดท้ายก่อนกลับเมืองไทยครับ
ไปถึงสนามบินเนฟเชีย แล้วต้องนั่งรถต่อเข้าไปที่เมือง Goreme (เกอร์เรเม) ซึ่งจริงๆแล้ว เราให้ทางที่พักเขาขับรถมารับเรา ที่สนามบินได้เลยครับ แต่เขาจะคิดค่าบริการแบบ เหมาคันหรือแบบรายหัว อันนี้ตกลงกับทางพี่พักเขาเองนะจ๊ะ เรารู้จักที่พักอยู่สองที่
Anatolia Pension
www.anatoliacave.com
มีทั้งห้องพักในบ้านธรรมดา และห้องพักที่เป็นถ้ำในแท่งหินธรรมชาติ
มีพร้อมทั้งน้ำอุ่น เครื่องทำความร้อนสำหรับค่ำคืนอันหนาวเหน็บ

อีกที่เป็นของเพื่อนที่ได้รู้จักที่นั่นเพิ่งเปิดตัวหลังจากที่เรากลับจากตุรกีแล้ว
Coco cave Pension
Tel: 0090 384 271 21 62 Fax: 0090 271 09 08
Mobile: 0090 537 955 3991
www.cococave.com

มาพูดถึง "เนฟเชีย (Nevesehir)" กันหน่อยเพื่อความเข้าใจแบบง่ายๆ เนฟเชียเป็นจังหวัดๆหนึ่งในตุรกี เป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญคือ Cappadocia (แคปปาโดเจีย - ตัว c ที่นี่ออกเสียงเป็นตัว จ. นะครับ) ดินแดนแห่งหุบเขาและแท่งหินล้านปี มีประวัติความเป็นอยู่ของคนโบราณ ที่น่าสนใจ

พื้นที่ของแคปปาโดเจีย คลอบคลุมหมู่บ้านหรือเมืองต่างๆ ภายในจังหวัดเนฟเชีย อยู่หลายหมู่บ้าน เช่น Goreme, Avanos, Urgup เป็นต้น และในแคปปาโดเจียนี่ ก็จะมีหุบเขาต่างๆหลายหุบเขามากๆ จนจำชื่อได้ไม่หมด แต่ละหุบเขาก็มีความมหัศจรรย์ ของธรรมชาติที่ปั้นแต่งพื้นหิน จนกลายเป็นแท่งหินรูปทรงหมวกแหลม ขนาดใหญ่มหึมา แล้วมนุษย์ก็ไปเจาะ ตกแต่งแท่งหินนั้น จนเป็นถ้ำเป็นห้องเพื่ออยู่อาศัย ตั้งแต่เมื่อกว่าพันปีที่แล้ว จนต่อมาถึงยุคที่คริสต์ศาสนากำเนิด ก็มีการขุดเจาะแท่งหินทำเป็นศาสนสถาน มีโบสถ์ มีห้องกินข้าว ห้องนอน มีรูปเขียนสีที่ผนังถ้ำ

นอกจากนั้นแล้ว ที่นี่ยังมีเมืองใต้ดิน อีกหลายแห่ง เมืองใต้ดินนี่ ไม่ใช่แค่ว่าขุดเจาะเป็นหลุมเล็กๆ เข้าไปอยู่ใต้ดินนะครับ แต่คนโบราณเมื่อหลายร้อยปีโน้น เขาขุดเจาะเข้าไปทำเป็นเมืองๆหนึ่งเลย บางเมืองทำลึก 8 ชั้น บางเมืองก็ถึง 15 ชั้น ในเมืองใต้ดินนี่ก็มีชุมชน อยู่กันหลายครอบครัว มีวัดคริสต์ มีห้องประชุม มีที่เลี้ยงสัตว์ (อยู่ใต้ดินนั้นแหละ) มีห้องทำครัว มีระบบขนส่งน้ำ น่าทึ่งมากเลย (แต่ไม่มีระบบไฟฟ้านะครับ อย่าเว่อร์ เหอๆๆ)

ในเมืองมีเืทือกเขาหิมะ มีภูเขาไฟโบราณ ที่ปัจจุบันมอดแล้ว และมีหิมะปกคลุม ภูเขาไฟทั้งลูกนั้นอยู่ตลอดทั้งปี

ตอนนี้กระจ่างหรือยังครับ ว่าทำไมใครๆต้องไปเที่ยวที่ Cappadocia เมื่อไปตุรกี
มาจัดตารางการเที่ยวกัน....
วันแรกที่เรามาถึงที่ Cappadocia นี่ก็เป็นช่วงบ่ายแล้ว เมื่อเข้าเก็บของที่พักแล้ว ให้ทางที่พักเขาจองทัวร์ ของวันรุ่งขึ้นไว้ให้เรากัน เขาจะมีทัวร์แบบ One Day Trip ให้เลือกหลายแบบ เราก็เลือกเอาสักแบบหรือสองแบบที่สนใจ ส่วนวันนี้ให้เราไปเริ่มกันที่ Goreme Open Air Museum ก่อน ที่นี่เราจะใช้เวลาจนหมดวันแน่ๆครับ มีสิ่งน่าสนใจอยู่เยอะครับ โดยเฉพาะวัดคริสต์โบราณ ภายในถ้ำที่ยังมีภาพเขียนสี บนผนังโบสถ์ให้เห็นอยู่ และเป็นที่ๆ มีภาพเขียนสีโบราณที่สมบูรณ์ที่สุดด้วย เที่ยวชมเต็มอิ่มแล้วก็ค่ำพอดี ถึงเวลาไปหาของกินแล้วก็กลับที่พัก ระยะทางไม่ไกลมากนะครับ สามารถเดินชมวิวไปได้เรื่อยๆไปจนถึงที่พักได้ (แต่ถ้าพักคนละที่กับผมล่ะก้อ ตรวจสอบระยะทางกับทางที่พักก่อนนะจ๊ะ)
วันที่สอง
เราเลือกซื้อ "Green Tour" ไว้ เป็นทัวร์ที่จะพาไปดู Cappadocia แบบพานอรามา พาไปดูเมืองใต้ดิน นั่งรถผ่านเทือกเขาหิมะ และภูเขาไฟโบราณ ไปเดินที่หุบเขาเลาะลัดริมลำธารสวยๆที่หุบเขา Ihlara กินข้าแบบปิคนิคกันในป่าริมธารน้ำใส คริคริ
พอกลับจากทัวร์ เข้าล้างเนื้อล้างตัวที่ที่พักซะหน่อย
แล้วเราก็ซื้อแพ็คเกจดินเนอร์ในถ้ำ อาหารและเครื่องดื่มไม่จำกัด มีโชว์หลายโชว์ให้ชมหลักๆ คือโชว์ระบำหน้าท้อง และโชว์เต้นรำพื้นเมืองของชาวตุรกี
ตกดึกก็นอนจ้า...เก็บแรงไว้วันพรุ่งนี้อีกวัน
วันที่สาม
แนะนำให้ตื่นแต่เช้าแล้วไป "บอลลูนทัวร์" (เราไม่ได้ไปนะ เพราะไม่มีใครในกลุ่มอยากขึ้นบอลลูน แบบว่าปอดไม่เรียบกันหน่ะ ปอดแหกกันหมด 555) ขึ้นไปบนฟ้าแล้วชมวิวหุบเขาด้านล่าง น่าตื่นเต้นดี เสร็จแล้วไปเดินเล่นในหุบเขาต่างๆ จะมีแผนที่ทางเดินและชื่อของหุบเขา ขอจากทางที่พักได้เลย เรา็เดินชมหุบเขาและหมู่แท่งหินใหญ่ยักษ์ไปเรื่อยๆ จากหุบเขาหนึ่งไปอีกหุบเขาหนึ่ง แล้วก็เดินต่อไปให้ถึง Cavusin เลย ที่นั่นสวย น่าสนใจ แต่อันนี้คือต้องเป็นนักเดินทนหน่อยนะครับ ตอนเดินไปไม่รู้สึกไกลแต่ตอนเดินกลับ "โคตรไกลเลย" ทางที่ดีเตรียมแผนการเดินเที่ยวและกำหนดจุดสิ้นสุดไว แล้วให้ทางที่พักเขาส่งรถไปรับกลับดีกว่าครับ ยอมเสียเงินค่ารถหน่อยแต่จะได้ไม่เหนื่อยมาก อย่าลืมเตรียมน้ำและอาหารกลางวันติดตัวไปด้วย นั่งปิคนิคกันในหุบเขาแท่งหินยักษ์ บรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆนะครับ
กะเวลากลับให้ดี เพราะคืนนี้เราจะย้ายเมืองไปเที่ยว Pamukkale แล้ว เราจะใช้วิธีขึ้นรถบัส เดินทางทั้งคืนไปถึง Pamukkale ตอนเช้า
*** ต้องเลือกบริษัทรถทัวร์ที่เขาพาเราไปส่งถึง Pamukkale นะครับ คือรถบัสนี่เขาจะไปที่จังหวัด Denizli แล้วเราจะต้องต่อรถเล็กเข้า Pamukkale ซึ่งถ้าเป็นของบริษัท Metro เขาจะมีรถรับส่งบริการฟรีครับ ตรวจสอบกับบริษัทรถทัวร์ให้ดีนะครับ แล้วก็อย่าลืมโทรแจ้งให้ทางที่พักเขามารับเราที่ท่ารถใน Pamukkale ด้วยล่ะ แล้วให้ทางที่พักเขาติดต่อทัวร์หรือรถที่นั่นให้พาเราไปเที่ยวที่ Aphrodisias ในเช้าวันรุ่งขึ้นเลยครับ
*** ให้ทางที่พักเตรียมอาหารเช้าให้เราตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลย และให้เขาเตรียมอาหารแบบปิดนิคสำหรับมื้อกลางวันให้เราด้วย
วันที่สี่
ถึง Pamukkale ตอนเช้าฟ้ายังไม่สว่างเลย เข้าที่พักไปนอนเอาแรงอีกสักนิด ตื่นมาทานอาหารเช้าแล้วนั่งรถไปเที่ยวชม Aphrodisias ก่อน ยังไม่ต้องไป Pamukkale ครับเก็บไว้ชมตอนเย็นๆ
ที่พักของเราชื่อ Weisse Burg ออกเสียงว่า "วายเบิก" เป็นที่พักธรรมดาๆ แต่ก็สะอาดดีทีเดียว
ถ้าใครจะพักที่นี่แนะนำให้พักที่ชั้นสอง เพราะชั้นล่างห้องสวยสู้ชั้นบนไม่ได้ และชั้นล่างไม่มีฮีทเตอร์ แต่ชั้นบนมี เจ้าของก็ใจดีมากครับ ภรรยาแกทำอาหารอร่อยมาก เราสามารถขอให้แกทำอาหารให้ได้ครับ
ราคาก็ไม่ได้แพงไปกว่า ออกไปซื้อกินตามร้านอาหาร แต่ได้อารมณ์ของ Home Cooking
สนใจก็ลองเข้าไปชมที่ www.beyazkalepension.com ครับ
ส่วนมากบริษัททัวร์เขาจะเริ่มกันที่ 9 โมงเช้า แต่ถ้าเราไปกันสามถึงสีคน ก็สามารถจ้างรถไปส่งเราก่อน 9 โมงเช้าได้เลยครับ เพราะเราต้องนั่งรถไปเกือบสองชั่วโมง ก็ระยะทาง 100 กิโลเมตรนะครับ ที่โน่นเขาเปิด 9 โมง เราก็ออกเดินทางสัก 7 โมงครึ่งไปถึงโน่นก็ได้เวลาเปิดพอดี
พอเข้าไปแล้ว ให้แวะเข้าไปในอาคารพิพิธภัณฑ์ก่อน ชมในพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว ค่อยออกมาเดินในเมืองโบราณ แล้วอย่าลืมเดิน ให้ถึงสนามกีฬาโบราณ ที่ใหญ่ที่สุดในตุรกีนะครับ ทานอาหารแบบง่ายๆ ที่พกติดตัวไปก็หวังว่า จะไม่ลืมเอาน้ำไปด้วยนะครับ...
ใช้เวลาที่นี่จนถึงบ่ายโมง แล้วก็กลับมาที่ Pamukkale ให้รถเขาไปจอดส่งเราที่ Pamukkale เลยครับ
ที่ Pamukkale นี่นอกจากลานหินปูนที่มีแอ่งน้ำใสสีฟ้าแล้ว ด้านบนยังมีเมืองโบราณ Hieraplis อีกเมือง เดินชมเมืองโบราณก่อนแล้วค่อยเดินมาเล่นน้ำแร่ที่ลานหินปูน เขาจะทำเป็นร่องน้ำไว้ให้เรานั่งแช่เท้าได้ นั่งแช่เท้าในน้ำแร่อุ่นๆ เฝ้ามองพระอาทิตย์ลับฟ้า สุขใดจะเท่านี้ไม่มีแล้ว แต่ที่ลานหินปูน เขาไม่ให้สวมรองเท้าเดินนะครับ เตรียมถุงฝ้าหรือถุงพลาสติก ไปใส่รองเท้าด้วยก็จะสะดวกขึ้น
กลับลงมาทานอาหารเย็นแล้วพักผ่อนซะ พรุ่งนี้เราจะย้ายเมืองอีกแล้ว
วันที่ห้า
ตื่นสายนิดหน่อยก็ได้ เมื่อวานเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แต่ถ้ายังมีแรงอยุ่ก็ตื่นเช้าๆแล้วไปเดินขึ้นลานหินปูน Pamukkale อีกรอบก็ได้ วันนี้เราจะนั่งรถบัสเล็กไปที่เมือง Selcuk (เซลจุก อย่าลืมตัว c ออกเสียง จอจานนะครับ) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง เราเข้าพักที่ Anz
วันนี้ไปดู วิหารเทพีอาร์เทมีส 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงซากเสาเพียงเสาเดียวเท่านั้น แล้วก็กลับมาเข้าดูพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์ที่นี่ค่อนข้างใหญ่ทีเดียวใช้เวลาพอสมควรทีเดียว เสร็จแล้วก็เดินชมเมืองเซลจุก และทานอาหารเย็นก่อนกลับเข้าที่พัก
วันที่หก
วันนี้ไปเยี่ยมชมสุเหร่า Isabey จากสุเหร่าก็เดินขึ้นไปที่ Ayasuluk, Church of St.John ที่อยุ่ติดๆกันเสร็จแล้วก็รีบไปที่ Ephesus เมืองโบราณที่ยิ่งใหญ่อลังการ์มากๆๆๆ เิดินชมตั้งแต่ประตุทางเข้าด้านหน้า ทะลุไปจนถึงประตูทางออกด้านหลัง แล้วเดินไปขึ้นรถเมล์ไปเที่ยวเมืองชายทะเลที่ Kusadasi แล้วหาอาหารเย็นกินที่โน่นก่อนนั่งรถเมล์กลับที่พัก พักผ่อนซะตอนเช้าเราจะบินกลับ Istanbul หรือใครต้องการประหยัดก็มีรถบัสตอนกลางคืนเดินทางเข้า Istanbul เหมือนกันนะครับ
วันที่เจ็ดถึงวันที่สิบ
ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็เดินทางไปสนามบิน กลับไปที่ Istanbul ให้พยายามไปไฟท์เช้าที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้ ตรวจสอบตารางเวลาได้จากที่พัก หรือทางอินเตอร์เน็ตนะครับ ที่ Isatanbul นี่ต้องเที่ยวหลายวันถึงจะทั่ว เพราะมีอะไรที่น่าสนใจมากเลยครับ ให้หาแผนที่ท่องเที่ยวใน Istanbul ติดตัวไว้ แต่ทางที่ดีทำการบ้านก่อนไปเที่ยวให้ดีครับ ไม่งั้นเดินวนไปวนมา จับต้นชนปลายไม่ถูกจะเสียเวลาเปล่าๆ สถานที่เที่ยวที่เรารีบเข้าที่พัก พยายามเลือกที่พักที่อยู่ใกล้ๆกับ Ayasofya แถวนั้นมีที่พักราคาประหยัดอยู่เยอะมาก และสะดวกในการเิดินทางใน Istanbul ครับ
เราจัดตารางเที่ยวแบบง่ายๆไว้อย่างนี้นะครับ
วันแรก - วันนี้มีเวลาน้อย ก็คงไปชมสุเหร่าสีฟ้าก่อน แล้วก็ชมฮิปโปโดม เสร็จแล้วก็เดินผ่านหน้า Ayasofya ไปเข้าชมอุโมงค์ส่งน้ำเยราบาทัน (อย่าพลาดเชียวนะ) แล้วนั่งรถรางไฟฟ้าไปชมวิวที่ Golden Horn เดินข้ามสะพานไปชมอีกฝังของทะเล แล้วอาหารทะเลทานที่ร้านอาหารใต้สะพาน (ร้านหรูน่านั่งทั้งนั้นครับ แต่เตือนไว้ก่อนนะพวกอาหารทะเลและปลาที่โน่นแพงมาก)
วันที่สอง - เข้าชม Ayasofya 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง พระราชวังทอปคาปี สุเหร่าสุไลมาน ตลาดในร่ม กำแพงเมือง ตกเย็นก็หารถไปช็อปที่ย่าน Taksim ขอบอกว่าน่าเิิดินมาก ช็อปกระจายเลยที่นี่
วันที่สาม - ล่องเรือชมช่องแคปบอสฟอรัส ไปเยือนสโมสรฟุตบอลบาซิตัส แล้วก็พลาดไม่ได้คือพระราชวังโดลมาบาเชร์
วันที่สี่ - เก็บตกในเมืองพวกตลาดโบราณ ตลาดเครื่องเทศ สถานที่เล็กๆน้อยๆที่ไม่ได้กล่าวไว้ในนี้ เข้าชมพิพิธภัณฑ์ และอาจจะไปพระราชวังเบย์แลร์เบยี
กลางคืนบินกลับเมืองไทยอย่าง Happy ระหว่างนั่งเครื่องบินกลับเมืองไทย ก็จะนั่งคิดว่าทำไมเรามีเวลาน้อยจัง "วะ"
**** หากไปเอง ไม่ซื้อทัวร์จะประหยัดมาก ค่าใช้จ่ายเท่ากัน แต่เที่ยวได้หลายวันกว่ากันนะครับ แต่ต้องทำการบ้านไปให้ด ีเพราะถ้าไม่รู้ประวัติอะไรเลย ความสนุกใ นการเข้าชมสถานที่ ก็จะลดลงครับ
มาสรุปค่าใช้จ่ายกัน

• ค่าเครื่องบิน - ขึ้นอยู่กับแลกไมล์ไปหรือเปล่า มีโปรโมชั่นหรือไม่ ถ้าราคาเต็มๆล่ะก็ประมาณ 34,000 บาทครับ
• ค่าที่พัก - ก็ขึ้นอยู่กับว่านอนหรูแค่ไหน ถ้าแค่ที่พักน่ารักๆ สะอาด สะดวกและพักสบาย แต่ไม่ไดเน้นความหรูหราอะไรมาก ก็เฉลี่ยคืนละ 800 บาทต่อคน (ห้องละสองคน) 9 คืน 7,200 บาท

• ค่าเดินทางภายในประเทศตุรกี - เราใช้ไปประมาณ 8,000 บาท (รวมบินภายในสองครั้ง)
• ค่าเข้าชมสถานที่ - ทุกที่เสียค่าเข้าชมทั้งหมดใช้เงินไปเป็นพันเหมือนกัน กะประมาณว่าน่าจะสักประมาณ 2,000 บาท
• ค่าอาหาร - ค่าอาหารที่นี่แพงครับ ผมพักในที่พักที่ มีอาหารเช้าให้อยู่แล้ว ใช้ค่าอาหารอีกประมาณเฉลี่ยวันละ 800 บาท สิบวันก็ 8,000 เป็นการเฉลี่ยกินหรูมั่ง กินร้านธรรมดาๆมั่งนะครับ แต่ไม่ถึงกับซื้ออาหาร ที่แผงลอยกินนะครับ (ถ้าทำอย่างนั้นประหยัด ได้อีกเยอะเลยเหมือนกัน)
• สิริรวมโดยประมาณ ไม่รวมค่าช็อปปิ้งก็สัก 60,000 บาท ต่อการเที่ยวสิบวันครับ สามารถประหยัดได้กว่านี้อีกนิดหน่อยไม่มากนัก
• ส่วนตัวผมเที่ยวไปทั้งหมดสิบสี่วันใช้ไป 80,000 แต่ถ้าประหยัดๆหน่อยก็จะใช้ประมาณ 65 - 70,000 เท่านั้นครับ (กินเยอะไปหน่อยครับ)

ใครจะไปเที่ยวตุรกี ผมยุให้ไปครับรับรองว่าคุ้ม เป็นประเทศที่มีทั้งขนนธรรมเนียม วัฒนธรรมที่น่าสนใจ ความขัดแย้งกันทางศาสนาและการปกครองในยุคโบราณ สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่ แสดงถึงอารยธรรม ที่เจริญถึงขีดสุด และภูมิทัศน์ธรรมชาติที่แปลกตา ความปลอดภัยในการเที่ยวชมนี่ ถือว่าดีมากครับ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมาก ตำรวจมีทุกย่านเลย กลโกงต่างๆก็น้อย (ยกเว้นในอิสตันบูล ที่พอมีพวกขี้โกงอยู่บ้างแต่ก็น้อยครับ) ผมให้ตุรกีนี่ 5 ดาวสำหรับเมืองที่น่าท่องเที่ยวครับ
แวะชมภาพตุรกีที่นี่นะครับ มีหลายอัลบั้มเลยครับ คลิ๊กเล๊ยยย 
http://sudkhet.multiply.com/tag/turkey