แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม ยังไง ยังไง ก็ยังจะลดให้ครบสิบกิโลตามที่ตั้งใจไว้อยู่ดี
แล้วทำไมน้ำหนักถึงขึ้นมาได้ จาก 76.2 ก้าวมาเป็น 77.7 เลขสวยสะเทือนใจ
ลองหาสาเหตุดูก็มีทั้งเข้าใจและที่ งง งง อยู่เหมือนกัน
ที่เข้าใจคือทั้งสัปดาห์ไม่ได้ออกกำลังกายเลย มีเดินกลับบ้านแค่สองวัน
เพราะฝนตกมั่ง กลับดึกมั่ง เหนื่อยมั่ง ขี้เกียจมั่ง สารพัดเหตุผลที่จะอ้างกับตัวเอง
แต่ที่แน่ๆคือไม่รู้สึกสนุกที่จะฮึดมาออกกำลังกายให้เหงื่อออก
ไม่นึกว่าแค่ความละเลยชั่ววูบจะส่งผลไวและแรง
ที่ งง งง ก็คือ
ไปอ่านหนังสือเจอว่า เอาโยเกริตรสธรรมชาติ ผสมกับนม น้ำผึ้ง น้ำมะนาว
กินตอนเช้ากับผลไม้จะลดความอ้วน
กินตอนบ่ายจะช่วยล้างลำไส้
กินตอนเย็นจะบำรุงร่างกาย
เบื๊อกอย่างเราก็รีบเชื่อ
ตื่นขึ้นมาก็จัดแหล่กเลย อยากผอม อยากผอม
แค่สองวันน้ำหนักขึ้นสองกิโลกว่า
งานเข้าเลยกรูรรรรร......
งึมงำ งึมงำ เผาหนังสือแมร่งมันทิ้งซะดีไม๊
โชคดีนะที่กินตามสูตรเดียว ถ้าควบสองสูตรล่ะก็คงชิหงายเป็นแน่แท้
วันพุธรีบงดอาหารหนักทั้งปวง.....
แต่ไปแพ้ภัยบุปเฟ่...ในสองวันถัดไป
วันพฤหัสกับวันศุกร์มีสัมนาที่โรงแรมนารายณ์สองวันเต็ม
ช่วงเบรคก็กาแฟกับของกินเล่นอ้วนๆซึ่งก็ซดแต่กาแฟ ขนมต่างๆไม่กิน
ส่วนช่วงกลางวันเป็นบุปเฟ่...
ถ้าเป็นปกติก็จะฮาตัวเองที่เดินวนตักวนกินให้ครบทุกรายการที่มีอยู่
แต่เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานยามลดน้ำหนักอย่างนี้ มันฮาไม่ออก
เดินตักอาหารรอบแรกก็เตือนตัวเองแล้วว่าอย่ากินเยอะ เอาหมูเอาเนื้อมากินก็พอ
รอบที่สองก็บอกตัวเองว่าเยอะไปแล้วนะ แต่คงไม่เป็นไร รอบนี้กินปลา กินไก่
รอบที่สามทำเป็นเฉไฉไปตักสลัด ไม่อ้วนร๊อก
แต่โป๊ะมาด้วยแฮมกับเบค่อน ล้างคอด้วยซุปข้นอีกหนึ่งถ้วย
รอบที่สี่ยังไม่ได้กินขนมจีนน้ำยาเลยนี่หว่า ไปตักซะหน่อยไม่เอาเส้นก็ได้
แต่ตักไข่ต้มมาเยอะหน่อย
รอบที่ห้ามีเขินตักผลไม้ดีกว่า แต่เอากระทงทองติดมาด้วย แก้เลี่ยนผลไม้
ไม่กินข้าว ไม่กินแป้ง ไม่กินขนมหวาน ไม่ดื่มน้ำอัดลม
สติมีครบคิดทุกรอบที่ตักอาหาร แต่เป็นโรคจิตเจอบุปเฟ่ไม่ได้ ต้องฟาดให้คุ้ม
เงินก็ไม่ได้จ่ายเองแล้วยังจะงกกินอีก
วิเคราะห์ตัวเองว่าเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งแน่นอน 100%
วันเสาร์กับอาทิตย์กินแต่ผัดผักบุ้งเป็นเต่าไปเลยสมน้ำหน้าตัวเอง
ถึงตอนนี้จะหมดสนุก แล้วละเลยอีกก็ไม่ได้
อุตส่าห์ตั้งใจมาตั้งนาน เกือบจะสำเร็จอยู่แล้วเชียว นิดเดียวเท่านั้นเอง
เลยกลายเป็นว่าตอนนี้ก็ยากขึ้นที่จะลดน้ำหนัก เพราะต้องลดทั้งหมดถึง 2 กิโล 7 ขีด
อาทิตย์ที่แล้วเหลือแค่ 1.2 ขีดเท่านั้นเอง ถ้าอดทนแล้วตั้งใจซะหน่อย อาจจะลดได้ครบ 10 กิโลไปแล้ว
สัปดาห์นี้คงต้องลงโทษตัวเองให้หนัก...
ต้องจดทุกอย่างที่กินและที่ได้ออกกำลังกาย
ถ้าทำเฉยๆไม่สนใจ มีหวังน้ำหนักกลับไปอยู่ที่เดิมแน่นอน
ถามจริงๆเหอะ คนที่ไม่ต้องลดความอ้วนนี่
จะรู้สึกได้ถึงความเครียดของคนอย่างเราไหมนะ
วันนี้เหมือนจะบ้าไปแล้ว งึมงัมงึมงัมบ่นต่อ v_v
นู๋ก้อลดอยู่ ลุงอ้วนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ReplyDelete5555 สงสารดีมั้ยเนี่ย
ReplyDeleteแนะนำให้ตรอมใจค่ะ จุ๋มไม่ได้ลด ด้วยคิดอยู่เสมอว่าอ้วนแล้วน่ารักดี มีความสุขก็ทำไป
แต่มาช่วงนี้มีเรื่องเหนื่อยใจเยอะ ก็เลยเกิดอาการกินไม่อร่อยขึ้นมา
ตอนนี้เสื้อผ้าก็เลยมีพื้นที่หายใจบ้างค่ะ
วิธีนี้ใช้ได้เสมอ "ตรอมใจ" ค่ะ รับรองเห็นผล
ฮิฮิ.......เอาใจช่วยนะคร๊าฟฟฟ พี่
ReplyDeleteตอนนี้ผมก็จะพยายามให้น้ำหนักตัวให้ได้ 65 อยู่ครับ เเต่ก็ไม่ได้ซักที...เฮ้อ
ยังไปสนุกสนานกระชับบั้นท้ายที่สวนลุมอยู่หรือเปล่า... จะตามไปสมทบอ่า
ReplyDeleteแหะๆ โรคนี้เป็นยากครับ...
ReplyDeleteที่เป็นก็โรคเครียด โรคโมโห หงุดหงิด ไม่ได้ดังใจ
เป็นแล้วก็ระเบิดระบายแป๊ปเดียวก็หายครับ
แต่ที่จะมาเจ็บช้ำ ระกำใจ ตรอมตรมขมขื่น นี่ไม่เป็นครับ
ยึดตัวเองเป็นสารณะเลยไม่ทุกข์เพราะคนอื่น
ดีไปอย่าง แต่ก็ค่อนข้างขาดความละเอียดอ่อนกับคนใกล้ตัว
จากคนใกล้เลยกลายเป็นคนไกลออกไปเรื่อยๆ
เนี่ย...ก็รู้ทั้งรู้นะ แต่ไม่เคยปรับปรุงแก้ไข
v_v
ุ65 นี่คือให้ขึ้มมาถึง 65 ใช่ไหม...
ReplyDeleteแนะนำให้กินโปรตีนกระป๋อง แล้วก็ฟิตกล้าม แป๊ปเดียวปี๊ก
แหะๆ อ่านจากหนังสือมานะครับ ประสพการณ์จริงไม่เคยเกิดขึ้นเลย 5555
ปล.อย่าเชื่อมากนะเพราะพี่ก็เพิ่งโดนหนังสือหลอกมา
555 ท่าทางจะต้องยกชมรมสุขนิยม ให้คุณสุดเขต เสียแล้วซินี่
ReplyDeleteจุ๋มก็เป็นคนไม่ทุกข์กับคนอื่นค่ะ แต่คนใกล้ตัวเนี่ย มันไม่สามารถขยับขยายออกไปเป็นคนไกลได้นี่ซิค๊ะ
่แต่อาการของคุณสุดเขตเนี่ย เค้าเรียก "โรควัยทอง" นา 555
ล้อเล่นน้าาาาาาาาา
555...
ReplyDeleteผมเคยกินอยู่พักหนึ่งเหมือนกันพี่ เเต่มันเเพง
ReplyDeleteเลยต้องหันมากินเต้าฮู่กับไข่ขาวเเทนอ่ะครับ..อิอิ
เเต่สำคัญสุด คือระเบียบวินัยการออกกำลังกายอ่ะครับพี่.....
ช่วงนี้เริ่มถีบเจ้าลมทะเลแล้วครับ วันนี้ถีบไป 10 กิโล
ReplyDelete