ความยิ่งใหญ่ของสุเหร่าสีฟ้าในตุรกี

ความยิ่งใหญ่และสง่างามถูกส่งเสริม เน้นย้ำ ด้วยการจัดไฟในยามค่ำคืน
อย่าพลาดที่ไปชมในยามนี้นะครับ
บริเวณฮิปโปโดรม หรืออีกชื่อคือ จตุรัสสุลต่านมาห์เหม็ด
เราต้องเดินทั้งรอบกลางวันและรอบค่ำ
ถึงจะเก็บบรรยากาศได้ครบครับผม

ที่ได้ชื่อว่า Blue Mosque ก็เพราะความยิ่งใหญ่อลังการ์ของสุเหร่า
ด้านในกรุกระเบื้องอิชนิกลวดลายสีฟ้า หลังคาโดมสีฟ้า ตั้งตะหง่านอยู่เหนือชายฝั่งทะเล
เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นแผ่นน้ำทะเลสีฟ้ารับกับหลังคาโคมของสุเหร่า

ชื่อจริงของเขาคือ Sultan Almet Mosque
แต่ใครจะสนล่ะ ทุกคนก็เรียก สุเหร่าสีฟ้ากันทั้งนั้น

ข้อมูลสาระไปอ่านเองที่นี่นะครับ
Sultan Ahmed Mosque

8 April 09
เอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาเพิ่มเติมนิดหน่อยนะครับ

สุเหร่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเอาชนะวิหารเซ็นต์โซเฟีย
โบสถ์คริต์เดิมที่ถูกยึดแล้วดัดแปลงเป็นสุเหร่า แต่ผลงานอันยิ่งใหญ่นั้นก็มาจากชาวคริสต์

หลายยุคหลายสมัยที่พยายามสร้างสุเหร่าให้ใหญ่กว่าวิหารคริสต์
แต่ก็ไม่เคยสำเร็จ สร้างเสร็จทีไรก็เล็กกว่าวิหารเซ็นต์โซเฟียทุกทีไป.....
ในยุคของสุลต่านเมห์เหม็ดผู้มีอำนาจสูงสุดและเข้ามายึดครองดินแดนแห่งนี้
ก็ยังไม่สามารถสร้างได้ ถึงกับกริ้วจนประหารสถาปนิกเลยทีเดียว

สุเหร่าสีฟ้า เป็นสุเหร่าแห่งแรกและแห่งเดียวในยุคโบราณ
ที่สามารถสร้างได้ยิ่งใหญ่กว่าวิหารเซนต์โซเฟีย
สร้างใหญ่โตให้ตั้งประจันหน้ากันเหมือนอยากจะประกาศศักดิืศรีกันทีเดียว
ปี ค.ศ. 1609 เริ่มสร้างโดยคำสั่งของสุลต่านอาร์เหม็ด เสร็จในปี 1616
อีก 1 ปีให้หลังสุลต่านอาร์เหม็ดก็สิ้นพระชนม์

แต่ตอนที่สร้างนี่น่าสนุกนะ..
สุลต่านรับสั่งให้ทำหอบังด้วยทองคำ..
แต่ในยุคข้าวยากหมากแพง เศรษฐกิจตกต่ำ
การใช้จ่ายอย่างไม่ระมัดระวังไม่เป็นอันควร อาจจะเกิดความไม่พอใจของปวงชน
สถาปนิกเลยหาอุบาย ที่จะประหยัด แต่ยังทำให้สุลต่านไ่ม่กริ้ว
เลยสร้างหอบังไว้ 6 หอ

ซึ่งคำว่า 6 ออกเสียงคล้ายคำว่าทองในภาษาตุรกี
ประชาชนก็พอใจสุลต่านก็ไม่กริ้ว
น่ารักจริงๆ