Saturday, April 11, 2009

เยเรบาทัน...อุโมงค์ส่งน้ำที่หรูเหมือนวัง


ทำไมผมถึงอยากจะเข้าเยี่ยมชมที่นี่นักนะเหรอ...
ก็จั่วหัวไว้แล้วไงว่ามันหรูเหมือนกับเป็นวังเก็บน้ำเลยหน่ะ...

อุโมงค์ส่งน้ำอะไรกันนี่ สร้างได้ี่เหมือนวังหรูๆเลย
ทั้งๆที่เป็นแค่อุโมงค์ส่งน้ำใต้ดินแท้ๆ
แล้วก็กักเก็บน้ำไว้ได้มากถึง 88,000 ลูกบาศก์เมตรเชียวนะ เก็บไว้ให้ผู้คนได้ใช้ทั้งเมือง
แต่จริงๆแล้วก็ทำไว้ใช้ในวังหละมั้ง ชาวบ้านคงไม่มีโอกาสหรอกครับ
เขาใช้เก็บน้ำไว้ใช้ในวังตั้งแต่ยุคสมัยไบเซนต์ไทน์
ต่อมาเมื่อกรุงคอนสแตนติโนเปิลถูกออตโตมันตีแตกกระจาย
อุโมงค์ส่งน้ำที่นี่เลยถูกทิ้งร้างไปร้อยกว่าปี
แล้วอยู่ๆคนฝรั่งเศสก็ไปค้นพบ อุโมงค์นี้เลยได้รับการบุรณะมาใช้งานอีกครั้ง
คราวนี้ใช้เก็บน้ำไว้ใช้ในพระราชวังทอปกาปี
บอกแล้วไง ชาวบ้านไม่ได้ใช้กันง่ายๆร๊อก


เรียกกันว่า Basilica Cistern เป็นอุโมงค์ส่งน้ำที่เก่าแก่ มีอายุถึง 1,500 ปี
และใหญ่ที่สุดในตุรกี (ที่ตุรกีนี่มีอุโมงค์ส่งน้ำหลายแห่งนะ)

ยังอยู่ในย่านฮิปโปโดม ครับ... ถ้าเราหันหน้าเข้าวิหารเซนต์โซเฟีย
Basilica Cistern จะอยู่ด้านซ้ายมือ เดินข้ามถนนมาก็ถึงแล้ว

วันแรกที่มาเดิน เดินหาไม่เจอ
ก็เพราะมันอยู่ใต้ดิน แล้วก็มีป้อมเล็กๆเป็นที่ขายตั๋วแล้วก็ทางลง ก็ไม่ได้สังเกตุป้ายอ่ะ

ไม่อยากจะบอกว่าเราหน่ะเดินผ่านตั้งหลายรอบ
เรียกว่าเดินเหยียบผ่านหลังคามันไปเลย เพราะด้านบนที่เป็นพื้นดิน
เขาทำเป็นสวนหย่อมไว้นั่งเล่นพักผ่อน เราก็เดินตัดผ่านไปมา นั่งพักเหนือยและดื่มน้ำ
ล่าสุดเราียังไปนั่งเล่นข้างๆป้อมที่เก็บตั๋วด้วยซ้ำ 555
เสร่อเบ๊อะจริงๆเลยหน่ะ

แต่ยังไงก็หาจนเจอแหละ...

ทึ่งว่าเขาจะต้องทำอุโมงค์นี่ให้สวยไปทำไม แถมยังจะมานั่งแกะสลักฐานเสาอีก
ทั้งๆที่เสาและฐานพวกนี้สุดท้ายต้องจมอยู่ในน้ำแล้วก็ไม่ใช่ที่สำหรับให้ใครลงไปชมความงาม
แต่คนโบราณนี่เขาเอาศิลปและความเชื่อเข้าไปสอดแทรกไว้ในทุกๆสิ่งจริงๆนะครับ

ในไทยก็เหมือนกัน ลองสังเกตุเสาไฟเก่าๆ, ตู้ไปรษณีย์เก่าๆ ตึกแถวเก่าๆ
หรือแม้แต่สะพานเก่าๆ ลองสังเกตุเทียบกับของที่สร้างใหม่ดูสิครับ
รู้สึกสะท้อนใจว่ารุ่นเรานี่ใช้งบประมาณในการกำหนดแบบ
ไม่ใช่ใช้ศิลปในการสร้างสรรสิ่งต่างๆอีกต่อไป

มาดูภาพอุโมงค์ส่งน้ำแห่งนี้ดีกว่า บ่นมากไปเดี๋ยวจะมีใครหาว่าเป็นตาแก่ซะปล่าวๆ
ไอ้เราก็เพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่นแท้ๆ (ถึงจะเป็นรุ่นแย้มฝาโลงก็เหอะ 555)

ภาพมีไม่เยอะ เพราัะมันมีแต่เสา เอาเป็นว่าชมพอให้รู้ว่าข้างล่างมันเป็นยังไงก็แล้วกันเนอะ




46 comments:

  1. อล้งการสวยงามมากครับ
    แล้วจะเข้าชมอย่างไรครับ สามารถเดินเข้าไปได้ใช่มั้ยครับ

    ReplyDelete
  2. อ่านคำอธิบายแล้ว สุดยอดครับ

    ReplyDelete
  3. วัง อันเดอร์กราว จิงๆครับ หรูอลังการมาก

    ReplyDelete
  4. น่าให้นั่งเรือชมนะครับ

    ReplyDelete
  5. เป็นความเชื่อที่น่าสนใจครับ

    ReplyDelete
  6. อืม ดูๆไป สงสารเมดูซ่าเหมือนกันนะครับ โดนจับหัวกดน้ำซะงั้น

    ReplyDelete
  7. เขาทำเป็นสะพานทางเดินปูนไว้ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเดินชมได้โดยทั่วครับ
    ปรับระดับน้ำไว้พอประมาณต่ำกว่าทางเดินนิดหน่อย แล้วก็เลี้ยงปลาคราฟไว้ในนั้นครับ

    ReplyDelete
  8. ขอบคุณครับ... อยากให้คนที่เตรียมตัวจะไปหรือคนที่ยังไม่มีโอกาสได้ไป ได้เข้าใจเรื่องราวคร่าวๆก่อนหน่ะครับ

    ReplyDelete
  9. แสงไฟที่เขาจัดไว้ ช่วยทำให้ดูหรูขึ้นอีกครับ เข้าไปแล้วเหมือนเป็นอีกมิติหนึ่งเลย นักท่องเที่ยวทุกคนเดินชมกันเงียบๆโดยไม่รู้ตัว ทำให้บรรยากาศยิ่งแตกต่างจากการเที่ยวชมสถานที่อื่นเยอะเลยครับ

    ReplyDelete
  10. จริงๆน้ำต้องท่วมเสาทั้งหมดนะครับ เพราะในนี้เหมือนถังเก็บน้ำขนาดใหญ่นะครับ ผมก็เลย งง งง ว่าทำไมเขาต้องทำหรูด้วย ยังสงสัยเลยว่าคนโบราณเขาทำไว้เก็บน้ำจริงๆเหรอ หรือมีวัตถุประสงค์อื่นกันแน่ แล้วในยุคเมื่อ 1,500 ปีที่ผ่านมา เขาสามารถสร้างสิ่งหรูหราได้ขนาดนี้ น่าทึ่งจริงๆ

    ReplyDelete
  11. ผมหมุนไม่รอบหน่ะ สงสัยนิ้วสั้น 5555

    ReplyDelete
  12. นั่นสิ... นิสัยมนุษย์เวลาทำกับศัตรูหรือฝ่ายตรงข้ามนี่ โหดได้ใจทีเดียวเลยนะ

    ReplyDelete
  13. สวยงามจริงครับ เคยเห็นรายการทีวีไทยเราไปถ่าย สวยเลย อบากไปมั่งแล้วครับ เคยแต่เหยียบอิสตันบูอ่ะ

    ReplyDelete
  14. ครับลงตัวครับ ทั่งหัวเสาและเพดานเยี่ยม

    ReplyDelete
  15. ถ้าเมดูซ่าลืมตา ผมคนนึ่งละที่จะลืมกล้อง ทิ้งกล้องเอาตัวรอดครับ 555

    ReplyDelete
  16. เสียดายๆ แวะเปลี่ยนเครื่องที่อิสตันบลูคราวหน้า อย่าลืมให้เวลาที่นี่สักสามสี่วันนะครับ
    รับรองว่าคุมค่าเสียเวลามากเลยครับ

    ReplyDelete
  17. ส่วนผมก็คงแข็งเป็นหินไปตั้งแต่เมดูซ่าขยับเปลือกตาแล้วล่ะ ฮาาาาาาา
    ก็หวังว่าจะ่ไม่มีลอยเปียกบนกางเกงให้อับอายหน่ะครับ 555

    ReplyDelete
  18. สบายดีไหมครับไม่ค่อยได้เข้ามาเลย

    ReplyDelete
  19. 555 หายไปนานสงสัยงานยุ่งมากใช่ไหมครับนี่

    ReplyDelete
  20. บ่นมากไปเดี๋ยวจะมีใครหาว่าเป็นตาแก่ซะปล่าวๆ


    // พึ่งผ่านวันผู้สูงอายุมาเองน้า

    ReplyDelete
  21. งามจริง จริงค้า

    ReplyDelete
  22. เค้าลืมตกแต่งบันไดป่าวน้า

    ReplyDelete
  23. น้า แบบโครินเธียนนี่กลับหัวเหมือนรูปแรกป่าวอ่ะ

    ReplyDelete
  24. น้าไปขออะไรที่เกินความสามารถเจ้าตุรกีป่าวถึงหมุนนิ้วไม่รอบอ่ะ

    ReplyDelete
  25. กลัวงูบนหัวเมดูซ่ามากกว่าอ่ะ

    ReplyDelete
  26. เค้าใช้หินก้อนเดียวเลยรึป่าวน้า

    ReplyDelete
  27. ที่นี่เคยใช้เป็นฉากในหนังเจมส์บอนด์ด้วยนะ ตอน Greeting from Moscow

    ============================

    ไม่เคยได้ยินเลยอ่ะชื่อตอนนี้ สงสัยเกิดไม่ทัน

    ReplyDelete
  28. อย่าย้ำ อย่าย้ำ มีเคือง 5555

    ReplyDelete
  29. แสงช่วยนะครับ ทำให้ดูมลังเมลือง มากขึ้น

    ReplyDelete
  30. บันไดเป็นบันไดใหม่ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าชมครับ

    ReplyDelete
  31. ไม่ได้กลับหัวครับ เป็นแบบปกติครับ

    ReplyDelete
  32. ขอคู่แท้อ่ะ... หมุนไม่รอบเลย 5555

    ReplyDelete
  33. แล้วไม่กลัวงูบนหัวหนุ่มๆเหรอ
    ปล.อย่ากลับมาตอบว่าหนุ่มๆไม่กลัวกลัวแก่ๆ นะฮื่มมมม

    ReplyDelete
  34. เข้าใจว่าใช่ครับ ^_^

    ReplyDelete
  35. จากชื่อเดิมคือตอน From Russia With Love สร้างตั้งแต่ปี 1963
    แต่หนังเจมส์บอนด์นี่แต่ละประเทศจะมาตั้งชื่อตอนตามแบบของตัวเองครับ
    ตอนเดียวกันนี้แต่มีชื่อต่างๆ เช่น
    Germany: Love Greetings From Moscow
    France: Hearty Kises From Russia
    Italy: To 007, From Russia With Love
    Belgium: Love and Kisses From Russia
    Sweden: Agent 007 Sees Red
    Denmark: 007 Is Being Chased
    Finland: 007 In Istanbul
    Brazil: Moscow Against 007
    Argentina: From Russia with Love (The Return of 007)

    นอกจากกฉากในนี้แล้วก็ยังมีฉากในวิหารเซนต์โซเฟีย และพระราชวังอื่นๆในอิสตันบลูด้วยนะ

    น้าก็เกิดไม่ทันนะจ๊ะ เข้าไปหาข้อมูลในเว็บมาให้อ่ะ

    ReplyDelete
  36. ภาพนี้เห็นถึงศิลปแบบโครินเธียนได้ชัดสุด
    สังเกตุที่ตัวเสาจะเรียวขึ้นไปด้านบนและหัวเสาจะมีการแกะสลักไว้หรูหรา
    หัวเสาแบบโครินเธียนจะแกะเป็นลวดลายใบไม้นะครับ

    เดี๋ยวจะงงกัน ศิลปสถาปัตย์แบบกรีก มีจุดสังเกตุหลักๆที่เด่นชัด 3 แบบ นะครับ
    แบบแรกแบบดั้งเดิมเลยคือ แบบดอริค - เรียบๆไม่หรูหราเน้นที่ความมั่นคงแข็งแรง
    แบบที่สองพัฒนามาจากแบบแรก คือ แบบไอโอนิก - เสาเล็กเรียวมากกว่าแบบแรก หัวเสาม้วนโค้ง อ่อนหวาน
    แบบที่สามพัฒนาต่อจากแบบที่สอง คือ แบบโครินเธียน - แบบที่สามนี้พัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มเน้นความหรูหราอลังการณ์ เสาเล็กและเรียวลงอีก หัวเสาแกะสลักเน้นความหรูหราด้วยลวดลายใบไม้ครับ

    ReplyDelete
  37. จ๋วย แบบขนลุกๆ

    ReplyDelete
  38. เอิ๊กๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ReplyDelete
  39. เดินๆอยู่แล้วเมดูซ่ามาดักหน้าล่ะก็ กรี๊ดแตกแน่ 555

    ReplyDelete
  40. ้อ้าวหัวเราะเยาะเมดูซ่าซะอย่างงั้น

    ReplyDelete
  41. คนไทยไม่ได้ให้งบประมาณมากำหนดการสร้างสิ่งสาธารณะหรอกคัฟฟฟ

    ถ้าเปิดโอกาสให้ขี้คร้านจะมีคนขอทำให้ฟรี ไม่ว่าจะออกแบบอะไรๆ ใครก็อยากมีบ้านเมืองสวยงามเปนศิลปะ

    แต่เจ้าภาพติดที่กลัวคนอื่นจะทำดีกว่าแล้วได้หน้าเกินตัวเองตะหาก 555

    ReplyDelete
  42. เฮ้อ... ถ้ายอมลงทุนทุ่มทุนสร้าง มันจะเป็นมรดกให้ลูกหลานได้เก็บกินไปหลายชั่วโคตรเลยนะ
    หลายๆประเทศเขามีสมบัติให้ลูกหลานเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวไว้กินไว้ใช้
    ของเรานี่ เฮ้อ อีกทีแล้วกัน

    ReplyDelete