Saturday, March 26, 2011

ยังมีวันฟ้าใสในสิกขิม


เมื่อวานระหว่างเดืนทางมาที่เมืองนี้ ฝนตกตลอดทางจนถึงที่พัก
อากาศก็หนาวลูกเห็บร่วงกราวจนกลัวหลังคารถพัง
ไม่ได้เห็นภูเขาหิมะอะไรนี่เลย แล้วก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นด้วย
แต่ตื่นเช้าขึ้นมา ต้องร้องกี๊ดดด มันสว่างกระจ่างใสมาก
คันเชงจุงก้า ตั้งตะหง่านอยู่ข้างหน้า


จากที่ตั้งใจว่าจะเขียนเล่าเรื่องไปเรื่อยๆสำหรับคนที่กะจะแบ็คแพคไปเที่ยยวสิกขิมเองเหมือนเรา จะได้เอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์บ้าง ก็เป็นอันว่าไม่สามารถแล้วครับ เพราะมันถูกดองมาจะครบ 1 ปีพอดี ข้อมูลต่างๆลืมหมดแล้ว :(

ปีที่แล้วไล่มาจนถึงปีนี้ เป็นอะไรที่ขี้เกียจมาก มัวแต่เล่นฟาร์มวิวจนเกือบจะลืมบ้านนี้ทีเดียว v_v

อีกอย่างปีที่แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลย ต่างจังหวัดก็ไปน้อยมากกกก (ถ้าเทียบกับปีก่อนๆนี้นะ) เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป

เอาน่า ลืมข้อมุลแล้ว แต่ภาพยังอยู่ สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปสิกขิมก็ดูๆเป็นแนวทางไปก่อนแล้วกันนะครับ @^_^@

ช่วงที่อยุ่ในสิกขิม ท้องฟ้าไม่ค่อยจะโปร่งใสเลยครับ เดือนเมษานี่ทั้งหนาว ทั้งฝน ภาพก็เลยขมุกขมัวไปซะส่วนใหญ่ แต่มีอยู่วันนึงที่ท้องฟ้าแจ่มมาก แล้วก็เป็นเรื่องที่โชคดีสุดๆที่ฟ้าไปแจ่มตอนที่เราอยู่เมืองเพลลิง (Pelling) และเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นยอดเขา คันเชนจุงก้า (Kanchenjunga) ที่เป็นเป้าหมายหลักในการไปสิกขิมของเรา



คันเชนจุงก้า เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสามของโลก รองจากยอดเขาเอเวอเรสต์ และยอดเขาเคทู ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย มีความสูงกว่า 8,586 เมตร หรือ 28,169 ฟุต

ชีวิตนี้ก่อนตายคงได้เห็น อันดับ 2 และอันดับ 1 มั่ง

การที่จะได้เห็นยอดเขาคันเชงจุงก้าไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ยากมากกก แต่อย่าเข้าใจผิดว่าต้องปีนเขาไปดูนะ ไม่ใช่แน่ๆ เพราะอย่างชาย(ชรา)หน่ะ ไอ้เรื่องจะให้ไปลำบากนี่ขอเกี่ยง หนักไม่เอาเบาก็ไม่สู้อยู่แล้ว อะไรที่มันลำบากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง

ที่ว่ายากก็คือ ฟ้าไม่ค่อยเปิด เมฆหมอกบังจนไม่เห็นยอดเขา
ถ้าฟ้าไม่เปิด ต่อให้ยอดเขาตั้งตระหง่านอยุ่ตรงหน้า ก็ไม่ได้เห็นเป็นบุญตา
แต่เรามันคนโชคดีมีบุญ ฮาๆๆๆๆ ได้เห็น ได้เห็น

สิกขิม มีอะไรให้ชมบ้างนอกจากยอดเขาคันเชงจุงก้า ที่สูงเป็นอันอับ 3 ของโลก

สำหรับผมแล้ว "ไม่มีอะไรมาก" นอกจากการนั่งรถบนถนนวิบาก เพื่อดูวิวสวยๆกับดอกไม้บานสะพร่ั่งทั้งสองข้างทางไปจนถึงยอดเขาหิมะ นอนในหมู่บ้านกลางหุบเขาอย่างหมู่บ้านลาชุง และหมู่บ้านลาเชน ตื่นขึ้นมาเห็นหิมาลัยห่มหิมะเป็นเทือกรายรอบ ดูทะเลสาบท่ามกลางขุนเขา ดูหุบเขาที่มีทางน้ำผ่านเบื้องล่างอย่างยุมถัง

แต่ในเมืองมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ.... ถ้าถามว่าคุ้มที่จะไปไม๊ก็ต้องตอบว่า "คุ้มสิ" แถวบ้านผมไม่มีอย่างนี้นี่ครับ

นอกจากสิกขิมแล้ว เส้นทางที่มักจะไม่พลาดขากลับก็คือเมือง "ดาร์จีลิ่ง" ของอินเดีย เป็นเมืองที่มีเด็กไทยไปเรียนอยู่เยอะทีเดียว เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกินอยู่พอๆกับเมืองไทย แต่ได้ภาษาอังกฤษ ชัวร์

แล้วดาร์จีลิ่งนี่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็ขอบอกอีกละว่า ไม่ค่อยมีอะไร เขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาไทเกอร์ฮิลล์และนั่งรถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังถ่านหินแบบโบราณที่ยังใช้งานอยู่ (ใช้งานจริง) เป็นรถไฟคันเล็กๆ (แคบๆ) จนเรียกกันว่า "Toy Train" นอกนั้นก็ไปดูศูนย์แสดงดอกไม้ สวนสัตว์ ช็อปปิ้งตามแผงขายของที่ระลึก

อ่านแล้ว งง ไหมครับ สรุปว่า ควรไปหรือไม่ควรไปกันละนี่

ต้องตอบว่าถ้าแถวบ้านมีไอ้แบบที่ผมเล่าๆมานี่ก็อย่าไปเลย แต่ถ้าไม่มีแล้วอยากเห็นก็ไปสิครับ รับรองว่าเป็นหนึ่งในทริปที่คุณต้องประทับใจ

ปล.ก่อนไปหาอ่านประวัติของวัดทิเบตที่อยู่ในสิกขิมก่อนนะครับ เพราะตัวอาคารสถานที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่ประวัติของเขาคือความงามที่แท้จริงครับ

118 comments:

  1. ตอนนี้ถ้ามีโอกาสได้ไปไหนแล้วพร้อมที่จะไปจะไม่ลังเล เพราะไม่ค่อยมั่นใจในอนาคตค่ะ

    ReplyDelete
  2. ก็น่ารักดีนะ

    ReplyDelete
  3. เมื่อคืนพี่รีบปั่น รูปออกมาขู่บุ๋มกับพี่อึ๋งโดยเฉพาะเลยนะนี่ ฮาๆๆ

    ReplyDelete
  4. โธ่พี่แค่นั้นก็็พอแล้ว คุ้มจนไม่รู้จะเรียกว่ายังไง

    ReplyDelete
  5. บุ๋มลองนึกหน้าจามรี ตอนพี่ปีนขึ้นไปขี่มันนะ ขนาดตัวใหญ่ๆอย่างมัน ยังเซ เลยหน่ะ v_v

    ReplyDelete
  6. นึกถึงตอนที่นั่งรถจากเฉิงตูไปจิ่วไจ้โกว ตอนนั้นยังไม่มีสนามบิน
    อารมณ์คลายๆที่พี่บรรยายนี่ล่ะ ชมวิวซะเพลิน ไม่มีหลับ(ไม่กล้า)
    ลุ้นทุกทีเวลามีรถสวน

    ReplyDelete
  7. ตกลงนี่ขู่เหรอ ไม่ฝ่อหร้อกก เช๊อะ

    ReplyDelete
  8. บางจุดสวยมาก แต่จอดรถลงถ่ายรูปไม่ได้เพราะถนนแคบและอยู่บนไหล่เขาครับ สวยจัดเป็นระยะๆตลอดรายทาง ได้แต่เก็บความประทับใจไว้ในความทรางจำ แต่เส้นทางนี้น่าจะสวยสู้เส้นทางแคชเมียร์ เลห์ ลาดัค ไม่ได้นะ เพื่อนที่เคยไปบอกไว้อย่างนั้นครับ

    ReplyDelete
  9. อืมม จะกลัวก็ตรงนี้ ใจสู้แต่สังขารไม่อำนวย

    ReplyDelete
  10. ปกติคนอินเดียจะขับรถแล้วกดแตรทุกสิบวินาทีจนรำคาญ แต่รอบนี้ พอโชเฟอร์ไม่กดแตร พวกพี่แทบจะเอื้อมมือไปกดแทน กลัวรถที่สวนมาจะไม่เห็นรถเราหน่ะ เพราะถนนมันแบบว่าคดเคี้ยวมองไม่เห็นรถที่วิ่งข้างหน้าและที่สวนมา

    ReplyDelete
  11. กลับมาแล้วอย่างบ่นนะว่าปวดกระดูกกระเดี้ยวหน่ะ ฮาๆๆๆ จะหัวเราะให้ดังๆเลย

    ReplyDelete
  12. แล้วตกลงน้ำร้อนหรือเปล่า?

    ReplyDelete
  13. บุ๋มนี่เด็กสุดแล้วนี่นากลัวอะไร พี่อึ๋งยังบ่ยั่นเลย

    ReplyDelete
  14. โชคดีมั่กๆคร่า เที่ยวช่วงนี้แล้วเห็นยอด คันเช็งจุงก้า

    ReplyDelete
  15. ร้อนครับ ร้อนแบบอุ่นจัดๆหน่ะ คนขับรถกับไกด์แก้ผ้าใส่แต่ลิงลงไปแช่น้ำ ไม่อยากเอารูปลงเกรงว่าจะทำให้เกิดอาการคลื่นเหียน

    ReplyDelete
  16. ช่วงที่บุ๋มไปจะเป็นช่วงดอกไม้บานสะพรั่ง ตลอดสองข้างทาง แต่หิมะบนยอดเขาจะน้อย ก็น่าจะสวยไปคนละอารมณ์นะครับ

    ReplyDelete
  17. เงียบไว้ อย่าลุงแกเห็นเชียวนา

    ReplyDelete
  18. พี่สุดเขตยิ้มให้ดูซิ

    เอ้า ... ผ่านนนน

    ReplyDelete
  19. จาไปดูกุหลาบพันปี อิอิ

    ReplyDelete
  20. ตอนแรกแกนั่งสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ย อยากได้รูปช่วงนั้นจะได้ทำขาวดำอาร์ตๆ แต่แกมองอยู่เลยไม่กล้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปหน่ะครับ

    ReplyDelete
  21. ฮาๆๆ ผ่านไปเลยใช่ไหม อย่าแวะ อย่าแวะ

    ReplyDelete
  22. สองข้างทางเต็มไปด้วยเจ้าดอกนี้ มีหลายสีมากครับ สีขาว สีชมพู สีม่วง สีแดง สีเหลือง

    ReplyDelete
  23. เตรียมเมมโมรี่การ์ดไปเยอะๆครับ เพราะดอกไม้เยอะมากและก็สวยมาก อากาศเขาเหมาะสม ดอกไม้จะกลีบหนาดอกใหญ่กว่าบ้านเรามาก

    ReplyDelete
  24. 555 ประสบการณ์ค่ะ

    ตกลงเขียนให้คนกำลังลังเลตัดสินใจไป หรือไม่ไปกันแน่

    แต่สำหรับบุ๋มลุยเลย ถ้าวันนี้ไม่ไป วันหน้าอาจไม่มีโอกาสแล้ว อะไรก็ไม่แน่นอน

    ReplyDelete
  25. ถ้าคนชอบเที่ยว ชื่นชมความงามและวัฒนธรรม เขาจะไม่ลังเลเลยครับ แต่ถ้าเป็นพวกชอบสบายไปช็อปปิ้งชิลล์ๆต่างประเทศ เขาก็จะไม่ลังเลที่จะหาที่อื่นแทนครับ ฮาๆๆ

    ReplyDelete
  26. ถูกต้องแล้วคร๊าฟฟฟ วันนี้ไม่ไป วันข้างหน้าไม่รู้จะมีโอกาสหรือเปล่า ชีวิตนึงมันสั้นนัก โอกาสมาถึงตรงหน้าแล้วไม่รับไว้ก็เสียดายเน้ออออ

    ReplyDelete
  27. ห่วงพี่อึ๋งนี่ล่ะค่ะ บุ๋มเคยอ่านบทความของพระไพศาล วิสาโล เท่าที่จำได้
    ท่านเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไว้อย่างนี้

    วัยเด็กเรามีแรง มีเวลา แต่เราไม่มีทุนทรัพย์
    วัยทำงานเรามีแรง มีทุนทรัพย์ แต่ไม่มีเวลา
    วัยชราเรามีทุนทรัพย์ มีเวลา แต่เราไม่มีแรง

    ไว้เตือนใจ เวลาคิดจะเก็บเงินไว้เที่ยวตอนแก่
    แต่ว่า แต่ละคนก็คงคิดไม่เหมือนกัน ภาระในชีวิตก็ต่างกันไปนะคะ

    ReplyDelete
  28. 555 รู้ทันอีกแระ

    ReplyDelete
  29. สู้ๆ คุณเขตต์ รอดู ชม อยู่

    ReplyDelete
  30. ชอบบรรยากาศมากๆๆ

    ReplyDelete
  31. ยังไม่เป็นน้ำแข็งเห็นบรรยากาศก็หนาวแล้วครับ

    ReplyDelete
  32. ฟังชื่อเจ้าตัวนี้ก็อยากขี่แล้ว

    ReplyDelete
  33. ชอบครับ...ดูน่ารักดี

    ReplyDelete
  34. บ้านเค้าเลี้ยงจามรีเยอะแยะเลย...

    ReplyDelete
  35. เห็นเมฆลอยแบบนี้สวยดีครับ

    ReplyDelete
  36. เห็นอย่างนี้แล้วหนาวๆๆ

    ReplyDelete
  37. โหย...โหดมากครับ

    ReplyDelete
  38. คดเคี้ยวจริงด้วย

    ReplyDelete
  39. ผมชอบรถคันนี้จังครับ

    ReplyDelete
  40. วิวงามเลยครับ

    ReplyDelete
  41. สวยงามมากครับ

    ReplyDelete
  42. ชุมชนเมืองกลางหุบเขาเลยหรือเปล่าครับ

    ReplyDelete
  43. คุณยายไม่ยิ้มแต่ถ่ายภาพคุณยายออกมาสวยครับ

    ReplyDelete
  44. สีเหลืองแดงอย่างงามครับ

    ReplyDelete
  45. ว้าว..มาโครงามอีกใบครับ

    ReplyDelete
  46. แต่ผมว่าคลาสสิกนะครับ

    ReplyDelete
  47. สรุปได้โดนใจจังค่ะ "ตัวอาคารสถานที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่ประวัติของเขาคือความงามที่แท้จริงครับ"

    ทุกที่ต่างมีเรื่องราว อยู่ที่เราจะเห็นค่าหรือเปล่า

    ReplyDelete
  48. ภาพดูเย็นจังค่ะ

    ReplyDelete
  49. ก็เค้าว่า จามรี เป็นควายชนิดนึง ไม่ใช่เหรอค๊ะ แต่ขนยาวเพราะอาศัยอยู่พื้นที่หนาววววว มาก

    จริงหรือเปล่าไม่รู้ จำได้รางๆ ว่ามีคนสอนมา

    ReplyDelete
  50. อากาศคงดี มลพิษคงน้อย

    ReplyDelete
  51. ดูน้ำเชี่ยวจังค่ะ

    ReplyDelete
  52. แล้วจะเมารถแบบวังเวียงมั้ย

    ReplyDelete
  53. น่าอิจฉาคุณสุดเขตเนอะ คงจะมีความทรงจำที่สวยงามอยู่มากมาย

    ReplyDelete
  54. น่ารักจังค่ะ

    ReplyDelete
  55. สงสัยใบขับขี่จะสอบยากแหะ
    และคนที่โน่นคงมีน้ำใจค่ะ เพราะถ้าเป็นพี่ไทย สงกะสัย รถจะติด ยาว เพราะแย่งกันไป ไม่ใช่แย่งกันหลบ

    ReplyDelete
  56. โชคดีจังค่ะ

    ReplyDelete
  57. น้ำน่าจะเย็นมากด้วยมั้ย

    ReplyDelete
  58. อันนี้ไม่อืมครึมน๊ะ จุ๋มว่าสวยออก ชอบบรรยากาศแบบนี้

    ReplyDelete
  59. โห อากาศคงชื้นน่าดู

    ReplyDelete
  60. เฮ้อ นี่แหละน้า เค้าถึงว่า ความสุขหน่ะ มันหายาก ต้องแลกด้วยความลำบาก

    ReplyDelete
  61. อ่านแล้ว น้ำตาจะร่วง 555

    ReplyDelete
  62. 555 บ้าไปด้วยกันจริงๆ ด้วย

    ReplyDelete
  63. ไม่อยากเอาลง หรือไม่ได้ถ่ายมา เพราะลงไปแช่กับเค้าด้วยค้าาาาา

    ReplyDelete
  64. สดใส ดีจังค่ะ

    ReplyDelete
  65. รูปนี้สวยจังค่ะ

    ReplyDelete
  66. สวยมากจริงด้วยค่ะ

    ReplyDelete
  67. สวยจังค่ะ ชอบชอบ

    ReplyDelete
  68. ภาพสิกชิมหมดแล้วครับ ตอนต่อไปเป็นทิเบตครับ

    ReplyDelete
  69. แสงสีสวยดีเลยจับเณรถ่ายรูปซะเลย ^_^

    ReplyDelete
  70. สวนดอกไม้ตรงจุดจอด Toy Train สำหรับนักท่องเที่ยวครับ

    ReplyDelete
  71. ลุงหน้าตามีคาเรคเตอร์ดีครับ

    ReplyDelete
  72. ทะเลสาบใหญ่มาก อยู่บนยอดเขา กว่าจะได้เห็นต้องนั่งรถขึ้นไปตั้งนาน ทางก็ไม่ดี แต่ก็คุ้มค่าครับ

    ReplyDelete
  73. ขี่จามรีเดินเล่น เก๋ไม่หยอก ^_^

    ReplyDelete
  74. หลังจากไปทิเบตมา ที่สิกขิมกลายเป็นจิ๊บๆไปครับ

    ReplyDelete
  75. ชื่อดูอ่อนหวานดีเนอะ แต่ตัวมันโคตรอึดเลย

    ReplyDelete
  76. จามรีเป็นสัตว์สารพัดประโยชน์ครับ เขาใช้แรงมัน แถมยังใช้ขน หนัง นม เนื้อ ทุกอย่างทำประโยชน์ได้หมดเลย

    ReplyDelete
  77. เสียดายฟ้าแทบไม่เปิดเลย แต่วันที่เปิดก็โชคดีได้เห็นยอดเขาคันเชนจุงก้าพอดีเลย

    ReplyDelete
  78. หนาวมากมายครับ

    ReplyDelete
  79. หมดทริปโหดๆแล้ว ต่อไปขอสบายมั่งละ ^_^

    ReplyDelete
  80. โชคดีไม่เมารถ อิอิ

    ReplyDelete
  81. ลุยมาก อยากได้เหมือนกัน แต่ขับไม่เป็น v_v

    ReplyDelete
  82. บ้านเรือนบนเขากับอากาศหนาวๆ น่านอน น่านอน

    ReplyDelete
  83. ถูกต้องแล้วคร๊าฟฟฟฟ บ้านเรือนปลุกกันตามไหล่เขา

    ReplyDelete
  84. สองสีนี่เขาชิงกันจริงๆเลยนะ อิอิ

    ReplyDelete
  85. ใช่เลย ขอบคุณครับ

    ReplyDelete
  86. เย็นจริงครับ นิ้วนี่เย็นเจี๊ยบเลย

    ReplyDelete
  87. เหรอครับ ผมนึกว่ามันเป็นวัวซะอีก

    ReplyDelete
  88. น้ำไหลแรง มีตลอดรายทางเลย สวยๆมากๆแต่ถ่ายรูปไม่ได้ครับ เสียดายจัง

    ReplyDelete
  89. ถ้าเมารถละก้อ ตรงนี้สาหัสกว่าไปวังเวียงหลายสิบเท่าเลยละคุณจุ๋ม

    ReplyDelete
  90. แหะๆ จำได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่ตอนมานั่งดูรูปก็จะนึกย้อนไปถึงเวลานั้นได้ เป็นความสุขเล็กๆอีกแบบของผมหน่ะครับ

    ReplyDelete
  91. ไม่มีความเหมือนอินเดียเลยทั้งๆที่เป็นพื้นที่ของอินเดีย

    ReplyDelete
  92. เขามีน้ำใจกันดีครับ ไม่ค่อยโกรธกันด้วย ถ้าเป็นเราคงเหวี่ยงน่าดู

    ReplyDelete
  93. โชคดีจริงครับ ได้เห็นวิวแบบใกล้ชิดจริงๆ

    ReplyDelete
  94. ที่สุดเลยละผมว่า

    ReplyDelete
  95. ถ้าคุณจุ๋มไปสิกขิมจะถูกใจมาก ดอกไม้ป่าผลิบานเต็มสองข้างทาง สวยมากๆครับ

    ReplyDelete
  96. หนาว ชื้น ไข้ขึ้นเลยละ

    ReplyDelete
  97. ทนได้ ทนได้ ยอมทุกอย่างขอให้ได้ไปเหอะ @^_^@

    ReplyDelete
  98. กลัวว่า ชราแล้วแรงก็หมด ทรัพย์ก็ไม่มีนี่ละครับ

    ReplyDelete
  99. แต่สนุกครับ ชอบมากๆเลย

    ReplyDelete
  100. ฮาๆๆๆ ไม่ได้ลงครับ ตาลุงคนขับรถพอขึ้นจากน้ำแกก็เอากางเกงในผูกติดกิ่งไม้ให้ลมโบกเป็นธงเลย เห็นแล้วก็ขำ กางเกงในขาบานตัวใหญ่มากกกก

    ReplyDelete
  101. วันนี้โชคดีมากครับ

    ReplyDelete
  102. ว่าแล้วเชียว ฮาๆๆ

    ReplyDelete
  103. ผมไปอยู่อินเดียปี 1969 ..อยู่ได้เกือบปีก็ไปต่อออสเตรเลียและอเมริกาตามลำดับ...ผมได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรกที่ซิมหลา จำได้ว่านั่งรถประจำทางไปกับเพื่อน 4-5 คน
    แต่ชื่อสิกขิมนี่เพิ่งได้ยินมาไม่นานนี้...ยังนึกเสียดายว่า อยู่มาหลายแห่งเห็นสถานที่สวยๆงามๆมากมาย แต่มีรูปนับใบได้อ่ะคับ...
    ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ

    ReplyDelete
  104. เสียดายๆ น่าถ่ายรูปไว้เยอะๆหน่อยนะครับ ออสเตรเลียกับอเมริกาผมยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกับเขาหรือเปล่าด้วยหน่ะครับ

    ReplyDelete
  105. หลังจากที่ได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว เห็นด้วยกะพี่ทู้กกกประการ
    ของอย่างนี้ต้องเจอกะตัวเอง นับเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเจงๆ

    ReplyDelete
  106. อิอิ พี่ไม่ได้โม้ใช่ม๊า ฮาๆๆ

    ReplyDelete
  107. รูปนี้ถ่ายได้สวยมากๆ ค่ะ
    เห็นแผนที่ชีวิตบนใบหน้าลุงแกเลยล่ะ

    Like

    ReplyDelete
  108. ขอบคุณครับ ชอบคำว่า "แผนที่ชีวิตบนใบหน้า" จังครับ อ่านแล้วสะดุ้งโหยง ต้องรีบคิดหาวิธีลบแผนที่ของตัวเองแล้วละ ฮาๆ

    ReplyDelete