
อากาศก็หนาวลูกเห็บร่วงกราวจนกลัวหลังคารถพัง
ไม่ได้เห็นภูเขาหิมะอะไรนี่เลย แล้วก็ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นด้วย
แต่ตื่นเช้าขึ้นมา ต้องร้องกี๊ดดด มันสว่างกระจ่างใสมาก
คันเชงจุงก้า ตั้งตะหง่านอยู่ข้างหน้า
จากที่ตั้งใจว่าจะเขียนเล่าเรื่องไปเรื่อยๆสำหรับคนที่กะจะแบ็คแพคไปเที่ยยวสิกขิมเองเหมือนเรา จะได้เอาข้อมูลไปใช้ประโยชน์บ้าง ก็เป็นอันว่าไม่สามารถแล้วครับ เพราะมันถูกดองมาจะครบ 1 ปีพอดี ข้อมูลต่างๆลืมหมดแล้ว :(
ปีที่แล้วไล่มาจนถึงปีนี้ เป็นอะไรที่ขี้เกียจมาก มัวแต่เล่นฟาร์มวิวจนเกือบจะลืมบ้านนี้ทีเดียว v_v
อีกอย่างปีที่แล้วก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวไหนเลย ต่างจังหวัดก็ไปน้อยมากกกก (ถ้าเทียบกับปีก่อนๆนี้นะ) เลยไม่ค่อยได้ถ่ายรูป
เอาน่า ลืมข้อมุลแล้ว แต่ภาพยังอยู่ สำหรับคนที่ยังไม่เคยไปสิกขิมก็ดูๆเป็นแนวทางไปก่อนแล้วกันนะครับ @^_^@
ช่วงที่อยุ่ในสิกขิม ท้องฟ้าไม่ค่อยจะโปร่งใสเลยครับ เดือนเมษานี่ทั้งหนาว ทั้งฝน ภาพก็เลยขมุกขมัวไปซะส่วนใหญ่ แต่มีอยู่วันนึงที่ท้องฟ้าแจ่มมาก แล้วก็เป็นเรื่องที่โชคดีสุดๆที่ฟ้าไปแจ่มตอนที่เราอยู่เมืองเพลลิง (Pelling) และเป็นจุดที่เราสามารถมองเห็นยอดเขา คันเชนจุงก้า (Kanchenjunga) ที่เป็นเป้าหมายหลักในการไปสิกขิมของเรา

คันเชนจุงก้า เป็นยอดเขาที่สูงเป็นอันดับสามของโลก รองจากยอดเขาเอเวอเรสต์ และยอดเขาเคทู ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมาลัย มีความสูงกว่า 8,586 เมตร หรือ 28,169 ฟุต
ชีวิตนี้ก่อนตายคงได้เห็น อันดับ 2 และอันดับ 1 มั่ง
การที่จะได้เห็นยอดเขาคันเชงจุงก้าไม่ใช่เรื่องง่ายนะ ยากมากกก แต่อย่าเข้าใจผิดว่าต้องปีนเขาไปดูนะ ไม่ใช่แน่ๆ เพราะอย่างชาย(ชรา)หน่ะ ไอ้เรื่องจะให้ไปลำบากนี่ขอเกี่ยง หนักไม่เอาเบาก็ไม่สู้อยู่แล้ว อะไรที่มันลำบากเลี่ยงได้ก็เลี่ยง
ที่ว่ายากก็คือ ฟ้าไม่ค่อยเปิด เมฆหมอกบังจนไม่เห็นยอดเขา
ถ้าฟ้าไม่เปิด ต่อให้ยอดเขาตั้งตระหง่านอยุ่ตรงหน้า ก็ไม่ได้เห็นเป็นบุญตา
แต่เรามันคนโชคดีมีบุญ ฮาๆๆๆๆ ได้เห็น ได้เห็น
สิกขิม มีอะไรให้ชมบ้างนอกจากยอดเขาคันเชงจุงก้า ที่สูงเป็นอันอับ 3 ของโลก
สำหรับผมแล้ว "ไม่มีอะไรมาก" นอกจากการนั่งรถบนถนนวิบาก เพื่อดูวิวสวยๆกับดอกไม้บานสะพร่ั่งทั้งสองข้างทางไปจนถึงยอดเขาหิมะ นอนในหมู่บ้านกลางหุบเขาอย่างหมู่บ้านลาชุง และหมู่บ้านลาเชน ตื่นขึ้นมาเห็นหิมาลัยห่มหิมะเป็นเทือกรายรอบ ดูทะเลสาบท่ามกลางขุนเขา ดูหุบเขาที่มีทางน้ำผ่านเบื้องล่างอย่างยุมถัง
แต่ในเมืองมันก็ไม่มีอะไรจริงๆ.... ถ้าถามว่าคุ้มที่จะไปไม๊ก็ต้องตอบว่า "คุ้มสิ" แถวบ้านผมไม่มีอย่างนี้นี่ครับ
นอกจากสิกขิมแล้ว เส้นทางที่มักจะไม่พลาดขากลับก็คือเมือง "ดาร์จีลิ่ง" ของอินเดีย เป็นเมืองที่มีเด็กไทยไปเรียนอยู่เยอะทีเดียว เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการกินอยู่พอๆกับเมืองไทย แต่ได้ภาษาอังกฤษ ชัวร์
แล้วดาร์จีลิ่งนี่มีอะไรเป็นพิเศษ ก็ขอบอกอีกละว่า ไม่ค่อยมีอะไร เขาไปดูพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาไทเกอร์ฮิลล์และนั่งรถไฟขับเคลื่อนด้วยพลังถ่านหินแบบโบราณที่ยังใช้งานอยู่ (ใช้งานจริง) เป็นรถไฟคันเล็กๆ (แคบๆ) จนเรียกกันว่า "Toy Train" นอกนั้นก็ไปดูศูนย์แสดงดอกไม้ สวนสัตว์ ช็อปปิ้งตามแผงขายของที่ระลึก
อ่านแล้ว งง ไหมครับ สรุปว่า ควรไปหรือไม่ควรไปกันละนี่
ต้องตอบว่าถ้าแถวบ้านมีไอ้แบบที่ผมเล่าๆมานี่ก็อย่าไปเลย แต่ถ้าไม่มีแล้วอยากเห็นก็ไปสิครับ รับรองว่าเป็นหนึ่งในทริปที่คุณต้องประทับใจ
ปล.ก่อนไปหาอ่านประวัติของวัดทิเบตที่อยู่ในสิกขิมก่อนนะครับ เพราะตัวอาคารสถานที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่ประวัติของเขาคือความงามที่แท้จริงครับ
ตอนนี้ถ้ามีโอกาสได้ไปไหนแล้วพร้อมที่จะไปจะไม่ลังเล เพราะไม่ค่อยมั่นใจในอนาคตค่ะ
ReplyDeleteก็น่ารักดีนะ
ReplyDeleteเมื่อคืนพี่รีบปั่น รูปออกมาขู่บุ๋มกับพี่อึ๋งโดยเฉพาะเลยนะนี่ ฮาๆๆ
ReplyDeleteโธ่พี่แค่นั้นก็็พอแล้ว คุ้มจนไม่รู้จะเรียกว่ายังไง
ReplyDeleteบุ๋มลองนึกหน้าจามรี ตอนพี่ปีนขึ้นไปขี่มันนะ ขนาดตัวใหญ่ๆอย่างมัน ยังเซ เลยหน่ะ v_v
ReplyDeleteนึกถึงตอนที่นั่งรถจากเฉิงตูไปจิ่วไจ้โกว ตอนนั้นยังไม่มีสนามบิน
ReplyDeleteอารมณ์คลายๆที่พี่บรรยายนี่ล่ะ ชมวิวซะเพลิน ไม่มีหลับ(ไม่กล้า)
ลุ้นทุกทีเวลามีรถสวน
ตกลงนี่ขู่เหรอ ไม่ฝ่อหร้อกก เช๊อะ
ReplyDeleteบางจุดสวยมาก แต่จอดรถลงถ่ายรูปไม่ได้เพราะถนนแคบและอยู่บนไหล่เขาครับ สวยจัดเป็นระยะๆตลอดรายทาง ได้แต่เก็บความประทับใจไว้ในความทรางจำ แต่เส้นทางนี้น่าจะสวยสู้เส้นทางแคชเมียร์ เลห์ ลาดัค ไม่ได้นะ เพื่อนที่เคยไปบอกไว้อย่างนั้นครับ
ReplyDeleteอืมม จะกลัวก็ตรงนี้ ใจสู้แต่สังขารไม่อำนวย
ReplyDeleteปกติคนอินเดียจะขับรถแล้วกดแตรทุกสิบวินาทีจนรำคาญ แต่รอบนี้ พอโชเฟอร์ไม่กดแตร พวกพี่แทบจะเอื้อมมือไปกดแทน กลัวรถที่สวนมาจะไม่เห็นรถเราหน่ะ เพราะถนนมันแบบว่าคดเคี้ยวมองไม่เห็นรถที่วิ่งข้างหน้าและที่สวนมา
ReplyDeleteกลับมาแล้วอย่างบ่นนะว่าปวดกระดูกกระเดี้ยวหน่ะ ฮาๆๆๆ จะหัวเราะให้ดังๆเลย
ReplyDeleteแล้วตกลงน้ำร้อนหรือเปล่า?
ReplyDeleteบุ๋มนี่เด็กสุดแล้วนี่นากลัวอะไร พี่อึ๋งยังบ่ยั่นเลย
ReplyDeleteโชคดีมั่กๆคร่า เที่ยวช่วงนี้แล้วเห็นยอด คันเช็งจุงก้า
ReplyDeleteร้อนครับ ร้อนแบบอุ่นจัดๆหน่ะ คนขับรถกับไกด์แก้ผ้าใส่แต่ลิงลงไปแช่น้ำ ไม่อยากเอารูปลงเกรงว่าจะทำให้เกิดอาการคลื่นเหียน
ReplyDeleteช่วงที่บุ๋มไปจะเป็นช่วงดอกไม้บานสะพรั่ง ตลอดสองข้างทาง แต่หิมะบนยอดเขาจะน้อย ก็น่าจะสวยไปคนละอารมณ์นะครับ
ReplyDeleteเงียบไว้ อย่าลุงแกเห็นเชียวนา
ReplyDeleteพี่สุดเขตยิ้มให้ดูซิ
ReplyDeleteเอ้า ... ผ่านนนน
จาไปดูกุหลาบพันปี อิอิ
ReplyDeleteตอนแรกแกนั่งสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ย อยากได้รูปช่วงนั้นจะได้ทำขาวดำอาร์ตๆ แต่แกมองอยู่เลยไม่กล้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปหน่ะครับ
ReplyDeleteนี่ไง
ReplyDeleteฮาๆๆ ผ่านไปเลยใช่ไหม อย่าแวะ อย่าแวะ
ReplyDeleteสองข้างทางเต็มไปด้วยเจ้าดอกนี้ มีหลายสีมากครับ สีขาว สีชมพู สีม่วง สีแดง สีเหลือง
ReplyDeleteเตรียมเมมโมรี่การ์ดไปเยอะๆครับ เพราะดอกไม้เยอะมากและก็สวยมาก อากาศเขาเหมาะสม ดอกไม้จะกลีบหนาดอกใหญ่กว่าบ้านเรามาก
ReplyDelete555 ประสบการณ์ค่ะ
ReplyDeleteตกลงเขียนให้คนกำลังลังเลตัดสินใจไป หรือไม่ไปกันแน่
แต่สำหรับบุ๋มลุยเลย ถ้าวันนี้ไม่ไป วันหน้าอาจไม่มีโอกาสแล้ว อะไรก็ไม่แน่นอน
ถ้าคนชอบเที่ยว ชื่นชมความงามและวัฒนธรรม เขาจะไม่ลังเลเลยครับ แต่ถ้าเป็นพวกชอบสบายไปช็อปปิ้งชิลล์ๆต่างประเทศ เขาก็จะไม่ลังเลที่จะหาที่อื่นแทนครับ ฮาๆๆ
ReplyDeleteถูกต้องแล้วคร๊าฟฟฟ วันนี้ไม่ไป วันข้างหน้าไม่รู้จะมีโอกาสหรือเปล่า ชีวิตนึงมันสั้นนัก โอกาสมาถึงตรงหน้าแล้วไม่รับไว้ก็เสียดายเน้ออออ
ReplyDeleteห่วงพี่อึ๋งนี่ล่ะค่ะ บุ๋มเคยอ่านบทความของพระไพศาล วิสาโล เท่าที่จำได้
ReplyDeleteท่านเขียนเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไว้อย่างนี้
วัยเด็กเรามีแรง มีเวลา แต่เราไม่มีทุนทรัพย์
วัยทำงานเรามีแรง มีทุนทรัพย์ แต่ไม่มีเวลา
วัยชราเรามีทุนทรัพย์ มีเวลา แต่เราไม่มีแรง
ไว้เตือนใจ เวลาคิดจะเก็บเงินไว้เที่ยวตอนแก่
แต่ว่า แต่ละคนก็คงคิดไม่เหมือนกัน ภาระในชีวิตก็ต่างกันไปนะคะ
555 รู้ทันอีกแระ
ReplyDeleteสู้ๆ คุณเขตต์ รอดู ชม อยู่
ReplyDeleteชอบจังครับ
ReplyDeleteว้าววว
ReplyDeleteสวยครับ
ReplyDeleteอลังการจริงๆ
ReplyDeleteชอบบรรยากาศมากๆๆ
ReplyDeleteยังไม่เป็นน้ำแข็งเห็นบรรยากาศก็หนาวแล้วครับ
ReplyDeleteฟังชื่อเจ้าตัวนี้ก็อยากขี่แล้ว
ReplyDeleteชอบครับ...ดูน่ารักดี
ReplyDeleteบ้านเค้าเลี้ยงจามรีเยอะแยะเลย...
ReplyDeleteเห็นเมฆลอยแบบนี้สวยดีครับ
ReplyDeleteเห็นอย่างนี้แล้วหนาวๆๆ
ReplyDeleteโหย...โหดมากครับ
ReplyDeleteคดเคี้ยวจริงด้วย
ReplyDeleteผมชอบรถคันนี้จังครับ
ReplyDeleteวิวงามเลยครับ
ReplyDeleteสวยงามมากครับ
ReplyDeleteชุมชนเมืองกลางหุบเขาเลยหรือเปล่าครับ
ReplyDeleteคุณยายไม่ยิ้มแต่ถ่ายภาพคุณยายออกมาสวยครับ
ReplyDeleteสีเหลืองแดงอย่างงามครับ
ReplyDeleteว้าว..มาโครงามอีกใบครับ
ReplyDeleteแต่ผมว่าคลาสสิกนะครับ
ReplyDeleteสรุปได้โดนใจจังค่ะ "ตัวอาคารสถานที่ไม่ได้มีอะไรน่าสนใจ แต่ประวัติของเขาคือความงามที่แท้จริงครับ"
ReplyDeleteทุกที่ต่างมีเรื่องราว อยู่ที่เราจะเห็นค่าหรือเปล่า
ภาพดูเย็นจังค่ะ
ReplyDeleteก็เค้าว่า จามรี เป็นควายชนิดนึง ไม่ใช่เหรอค๊ะ แต่ขนยาวเพราะอาศัยอยู่พื้นที่หนาววววว มาก
ReplyDeleteจริงหรือเปล่าไม่รู้ จำได้รางๆ ว่ามีคนสอนมา
อากาศคงดี มลพิษคงน้อย
ReplyDeleteดูน้ำเชี่ยวจังค่ะ
ReplyDeleteแล้วจะเมารถแบบวังเวียงมั้ย
ReplyDeleteน่าอิจฉาคุณสุดเขตเนอะ คงจะมีความทรงจำที่สวยงามอยู่มากมาย
ReplyDeleteน่ารักจังค่ะ
ReplyDeleteสงสัยใบขับขี่จะสอบยากแหะ
ReplyDeleteและคนที่โน่นคงมีน้ำใจค่ะ เพราะถ้าเป็นพี่ไทย สงกะสัย รถจะติด ยาว เพราะแย่งกันไป ไม่ใช่แย่งกันหลบ
โชคดีจังค่ะ
ReplyDeleteน้ำน่าจะเย็นมากด้วยมั้ย
ReplyDeleteอันนี้ไม่อืมครึมน๊ะ จุ๋มว่าสวยออก ชอบบรรยากาศแบบนี้
ReplyDeleteโห อากาศคงชื้นน่าดู
ReplyDeleteเฮ้อ นี่แหละน้า เค้าถึงว่า ความสุขหน่ะ มันหายาก ต้องแลกด้วยความลำบาก
ReplyDeleteอ่านแล้ว น้ำตาจะร่วง 555
ReplyDelete555 บ้าไปด้วยกันจริงๆ ด้วย
ReplyDeleteไม่อยากเอาลง หรือไม่ได้ถ่ายมา เพราะลงไปแช่กับเค้าด้วยค้าาาาา
ReplyDeleteสดใส ดีจังค่ะ
ReplyDeleteรูปนี้สวยจังค่ะ
ReplyDeleteอิจฉาจัง
ReplyDeleteสวยมากจริงด้วยค่ะ
ReplyDeleteสวยจังค่ะ ชอบชอบ
ReplyDeleteภาพสิกชิมหมดแล้วครับ ตอนต่อไปเป็นทิเบตครับ
ReplyDeleteแสงสีสวยดีเลยจับเณรถ่ายรูปซะเลย ^_^
ReplyDeleteสวนดอกไม้ตรงจุดจอด Toy Train สำหรับนักท่องเที่ยวครับ
ReplyDeleteลุงหน้าตามีคาเรคเตอร์ดีครับ
ReplyDeleteทะเลสาบใหญ่มาก อยู่บนยอดเขา กว่าจะได้เห็นต้องนั่งรถขึ้นไปตั้งนาน ทางก็ไม่ดี แต่ก็คุ้มค่าครับ
ReplyDeleteขี่จามรีเดินเล่น เก๋ไม่หยอก ^_^
ReplyDeleteหลังจากไปทิเบตมา ที่สิกขิมกลายเป็นจิ๊บๆไปครับ
ReplyDeleteชื่อดูอ่อนหวานดีเนอะ แต่ตัวมันโคตรอึดเลย
ReplyDeleteจามรีเป็นสัตว์สารพัดประโยชน์ครับ เขาใช้แรงมัน แถมยังใช้ขน หนัง นม เนื้อ ทุกอย่างทำประโยชน์ได้หมดเลย
ReplyDeleteเสียดายฟ้าแทบไม่เปิดเลย แต่วันที่เปิดก็โชคดีได้เห็นยอดเขาคันเชนจุงก้าพอดีเลย
ReplyDeleteหนาวมากมายครับ
ReplyDeleteหมดทริปโหดๆแล้ว ต่อไปขอสบายมั่งละ ^_^
ReplyDeleteโชคดีไม่เมารถ อิอิ
ReplyDeleteลุยมาก อยากได้เหมือนกัน แต่ขับไม่เป็น v_v
ReplyDeleteบ้านเรือนบนเขากับอากาศหนาวๆ น่านอน น่านอน
ReplyDeleteถูกต้องแล้วคร๊าฟฟฟฟ บ้านเรือนปลุกกันตามไหล่เขา
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteสองสีนี่เขาชิงกันจริงๆเลยนะ อิอิ
ReplyDelete80-400 ซูมครับ
ReplyDeleteแหะๆ
ReplyDeleteใช่เลย ขอบคุณครับ
ReplyDeleteเย็นจริงครับ นิ้วนี่เย็นเจี๊ยบเลย
ReplyDeleteเหรอครับ ผมนึกว่ามันเป็นวัวซะอีก
ReplyDeleteน้ำไหลแรง มีตลอดรายทางเลย สวยๆมากๆแต่ถ่ายรูปไม่ได้ครับ เสียดายจัง
ReplyDeleteถ้าเมารถละก้อ ตรงนี้สาหัสกว่าไปวังเวียงหลายสิบเท่าเลยละคุณจุ๋ม
ReplyDeleteแหะๆ จำได้มั่งไม่ได้มั่ง แต่ตอนมานั่งดูรูปก็จะนึกย้อนไปถึงเวลานั้นได้ เป็นความสุขเล็กๆอีกแบบของผมหน่ะครับ
ReplyDeleteไม่มีความเหมือนอินเดียเลยทั้งๆที่เป็นพื้นที่ของอินเดีย
ReplyDeleteเขามีน้ำใจกันดีครับ ไม่ค่อยโกรธกันด้วย ถ้าเป็นเราคงเหวี่ยงน่าดู
ReplyDeleteโชคดีจริงครับ ได้เห็นวิวแบบใกล้ชิดจริงๆ
ReplyDeleteที่สุดเลยละผมว่า
ReplyDeleteถ้าคุณจุ๋มไปสิกขิมจะถูกใจมาก ดอกไม้ป่าผลิบานเต็มสองข้างทาง สวยมากๆครับ
ReplyDeleteหนาว ชื้น ไข้ขึ้นเลยละ
ReplyDeleteทนได้ ทนได้ ยอมทุกอย่างขอให้ได้ไปเหอะ @^_^@
ReplyDeleteกลัวว่า ชราแล้วแรงก็หมด ทรัพย์ก็ไม่มีนี่ละครับ
ReplyDeleteแต่สนุกครับ ชอบมากๆเลย
ReplyDeleteฮาๆๆๆ ไม่ได้ลงครับ ตาลุงคนขับรถพอขึ้นจากน้ำแกก็เอากางเกงในผูกติดกิ่งไม้ให้ลมโบกเป็นธงเลย เห็นแล้วก็ขำ กางเกงในขาบานตัวใหญ่มากกกก
ReplyDeleteวันนี้โชคดีมากครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับ
ReplyDeleteว่าแล้วเชียว ฮาๆๆ
ReplyDeleteผมไปอยู่อินเดียปี 1969 ..อยู่ได้เกือบปีก็ไปต่อออสเตรเลียและอเมริกาตามลำดับ...ผมได้เห็นหิมะเป็นครั้งแรกที่ซิมหลา จำได้ว่านั่งรถประจำทางไปกับเพื่อน 4-5 คน
ReplyDeleteแต่ชื่อสิกขิมนี่เพิ่งได้ยินมาไม่นานนี้...ยังนึกเสียดายว่า อยู่มาหลายแห่งเห็นสถานที่สวยๆงามๆมากมาย แต่มีรูปนับใบได้อ่ะคับ...
ขอบคุณที่พาเที่ยวครับ
เสียดายๆ น่าถ่ายรูปไว้เยอะๆหน่อยนะครับ ออสเตรเลียกับอเมริกาผมยังไม่มีโอกาสได้ไปเลย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกับเขาหรือเปล่าด้วยหน่ะครับ
ReplyDeleteหลังจากที่ได้ไปพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว เห็นด้วยกะพี่ทู้กกกประการ
ReplyDeleteของอย่างนี้ต้องเจอกะตัวเอง นับเป็นประสบการณ์ที่ลืมไม่ลงเจงๆ
อิอิ พี่ไม่ได้โม้ใช่ม๊า ฮาๆๆ
ReplyDeleteรูปนี้ถ่ายได้สวยมากๆ ค่ะ
ReplyDeleteเห็นแผนที่ชีวิตบนใบหน้าลุงแกเลยล่ะ
Like
ขอบคุณครับ ชอบคำว่า "แผนที่ชีวิตบนใบหน้า" จังครับ อ่านแล้วสะดุ้งโหยง ต้องรีบคิดหาวิธีลบแผนที่ของตัวเองแล้วละ ฮาๆ
ReplyDelete