Saturday, May 7, 2011

ลาซา เมืองหลวงแห่งขุนเขา




เป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขาหิมะ มองรอบ 360 องศาก็จะเห็นภูเขาหิมะรายรอบ ปกติเดือนเมษาที่เมืองนี้หิมะหยุดตกแล้ว แต่ปีนี้โชคดีของเรา ไปกลางเมษาหิมะดันตก อากาศหนาวเย็นถูกใจคนขี้ร้อนเป็นที่สุด แต่ถ้าไปช่วงที่หมดหนาวหิมะละลาย ภูเขาจะเหมือนกองดินมหึมา ดูแห้งและแล้ง น่าสงสาร น่าเศร้าเพราะไม่มีต้นไม้บนภูเขาสักต้น




ลาซา เป็นเมืองหลวงของทิเบต ส่วนทิเบตก็เป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองตนเองของจีน อีก 4 เขตการปกครองตนเองนอกเหนือจากทิเบตก็คือ "กวางสี", "มองโกเลียใน", "หนิงเซี่ย หุย" และ "ซินเจียง อุยกูร์" เราเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนบนรถไฟระหว่างเดินทางมาที่ลาซา เธอบอกว่ามาทิเบตเพราะเป็นอีกที่เดียวก็จะเก็บครบไปหมดทั้ง 5 เขตการปกครองพิเศษของจีนแล้ว เป็นการตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวที่ชัดเจนและทำให้สำเร็จได้จริง อย่างนี้ก็ดีนะตั้งเป้าหมายที่เห็นว่าทำให้สำเร็จได้ภายในเวลาที่เหมาะสม เมื่อสำเร็จแล้วก็ตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป ส่วนเราเป็นประเภทเวิ่นเว๊อ ไอ้โน่นก็อยากไป ไอ้นี่ก็อยากไป สุดท้ายไปโน่น ไปนี่ แต่ถ้าใครมาถามเป้าหมายของการเดินทาง ก็คงได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่มี

เห็นน้องบางคนในมัลติพลาย ตั้งเป้าหมายว่า จะไปกางเต็นท์นอนที่ อช.ของเมืองไทยให้ครบทุก อช. (อุทยานแห่งชาติ) กลับมาคิดดูแล้ว น่าจะสนุกกว่าเที่ยวแบบไม่มีเป้าหมายนะ ได้ลุ้นกับตัวเองว่าสำเร็จไปกี่แห่งแล้ว ถ้าทำได้ครบคงเพิ่มความภูมิใจเข้ามาอีกอย่างแน่ๆ



กลับมาที่ลาซาดีกว่านะ พระราชวังโปตาลา ในลาซาเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาต่อพุทธศาสนานิกายวัชรยาน (นิกายเดียวกันกับที่ภูฐาน) สร้างขึ้นมาเมื่อง 1,300 ปีก่อน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยกษัตริย์ซงเซินกัมโป แต่ต่อมาก็ถูกทำลายแล้วก็สร้างใหม่หลายครั้งหลายครา โดยเริ่มแรกนั้นพระองค์ต้องการสร้างเป็นเพียงแค่ป้อมและตำหนักของมเหสีสองพระองค์ พระองค์หนึ่งมาจากจีนส่วนพระมเหสีอีกพระองค์มาจากเนปาล ทั้งสองมเหสีนับถือและเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธอย่างสูงจนถึงขนาดทำให้องค์กษัตริย์ที่เดิมนับถือลัทธิบอนหันมาสนใจและศรัทธาจนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ หลังจากนั้นกษัตริย์จึงได้ปรับปรุงและใช้ป้อมแห่งนี้เป็นที่ศึกษาและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนศาสนาพุทธเจริญและแพร่หลายไปทั่วทิเบต

เมื่อสิ้นยุคกษัตริย์ ราชวงศ์ทิเบตแล้ว องค์ดาไลลามะ ก็เป็นจุดศูนย์รวมทั้งศาสนาและการปกครอง วังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่อยู่ขององค์ดาไลลามะและพระภิกษุ

ผ่านมาจนถึงยุคของดาไลลามะองค์ที่ 5 ท่านมีพระบัญชาให้สร้างเป็นวังซ้อนวัง โดยชั้นนอกเรียกวังขาว (ทาสีขาว) ชั้นในสร้างวังแดง (ทาสีแดง) แล้วก็มีอาคารสีเหลืองเป็นตัวเชื่อมวังทั้งสองสีเข้าด้วยกัน มีความสูงทั้งหมด 13 ชั้น มีห้อง 1,000 กว่าห้อง วังขาวเป็นส่วนของฆราวาส โรงพิพม์ โรงเรียน ส่วนวังแดงเป็นส่วนของพุทธาวาส ใช้ในการประกอบกิจสงฆ์ มีพรสถูปที่บรรจุพระศพขององค์ดาไลลามะอยู่ 8 สถูป

ปัจจุบันนี้พระราชวังโปตาลา ไม่ใช่ที่อยู่ขององค์ดาไลลามะอีกแล้ว เนื่องจากจีนเข้ายึดครองทิเบต องค์ดาไลลามะซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจและการปกครองของชาวทิเบตที่ต่อต้านการยึดครองของจีนจึงต้องลี้ภัยอยู่ในประเทศอินเดีย พระราชวังโปตาลาจึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญในอดีต เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม

เราถ่ายรูปอย่างอิสระได้ที่ภายนอก แต่ภายในวังไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป




นอกจากพระราชวังโปตาลาแล้ว ในลาซายังมี พระอารามเดรปุง วัดโจคัง และวัดเซรา ทั้ง 3 แห่ง ก่อสร้างกันมาเก่าแก่และยืนยงอยู่อย่างยาวนานกว่าพันปี ภายในห้องต่างๆของวัด หากต้องการถ่ายรูปจะต้องจ่ายเงินให้พระ บางห้อง 10 หยวน บางห้อง 20 หยวน บางห้องก็ 100 หยวน ขึ้นอยู่กับว่าห้องนั้นกว้างและมีความสำคัญมากน้อยยังไง

เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปภายในห้องต่างๆ เพราะไม่รู้ว่าถ้าจะถ่ายให้หมดให้ครบแล้วต้องใช้เงินรวมกันเท่าไหร่ คงหลายแน่ๆเพราะแต่ละวัดก็ห้องเยอะเหลือเกิน อีกอย่างภายในก็มืดมาก มีแสงสว่างน้อยดูเคร่งครึมสมกับเป็นศาสนสถานและไม่เหมาะที่จะใช้แฟลช หากใครต้องการถ่ายรูปภายในห้องต่างๆของวัดต้องเตรียมเลนส์ fix f1.4 ไปด้วยครับ

ที่วัดเซรา จะมีการทำตรรกวิภาษ ซึ่งเป็นเหมือนกับการทำปุจฉา-วิสัชนา ของพระในสวนของวัด มีลีลาที่ทางที่เอาจริงๆเอาจัง ขึงขัง ประมาณว่าโต้วาทีเลยทีเดียว

ส่วนบริเวณรอบๆวัดโจคัง จะเป็นแหล่งขายสินค้าที่ระลึก และเป็นสถานที่ที่ชาวทิเบตจะมาทำ การสักการะพระพุทธศาสนาในแบบทิเบต ที่นอนกราบแบบนอนราบกับพื้น ชาวทิเบตบอกว่าอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาทำท่ากราบแบบนี้รอบวัดโจคัง (ระยะทางไม่ใช่น้อย)

ใครจะซื้อของฝากจากทิเบต ให้จัดการซื้อที่บริเวณรอบวัดโจคังนี่เลยครับ ออกไปเมืองอื่นๆก็แทบจะไม่มีอะไรให้เลือกซื้อแล้ว



สิ่งที่ต้องเตรียมไปลาซา คือ ยาแก้ปวดหัว เราใช้ลาซาเป็นจุดแรกในการเยี่ยมชมทิเบต ทำให้ร่างกายอาจจะยังปรับตัวกับระดับความสูงเหนือน้ำทะเลได้ไม่ดีนัก มีอาการหูอื้อ ปวดหัว ต้องอาศัยยาแก้ปวดเป็นตัวช่วย อีกอย่างก็คือพวกยาทาแก้ปวดเมื่อย เพราะต้องเดินเยอะแล้วก็มีบางส่วนที่ต้องเดินขึ้นบันไดสูง เดินขึ้นเนินที่สูง

นอกๆเมืองลาซา มีแม่น้ำลาซาที่สวยงาม (มาก) และก็เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพของชาวทิเบตด้วย โดยรวมๆแล้วลาซาเป็นเมืองที่สวย มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงเป็นอีกเมืองที่ถ้ามีเงินมีเวลาไปอีก ก็จะไปแบบไม่ลังเลเลยครับ

100 comments:



  1. สวยมากมาย..แค่ดูรูป AMS ก็กำเริบละ

    ReplyDelete
  2. ลูกเล่น สวยมากครับพี่

    ReplyDelete
  3. ข้างหลังคืออะไรครับ

    ReplyDelete
  4. ใบร่วงหมดเหลือแต่ดอก สวยจริงๆเลย

    ReplyDelete
  5. อลังการมาก

    ReplyDelete
  6. บนหลังคาวัดที่แถบนี้ มักจะมีรูปกวางสีทองกับธรรมจักรประดับอยู่ทุกหลังคาวัด รู้สึกจะเป็นสัญลักษณ์แทนการตรัสรู้

    ReplyDelete
  7. เมื่อก่อนบุ๋มเคยดูหนังจีน ตอนที่กษัตริย์จีน ราชวงศ์ถัง (มั้ง) พระบิดาของเจ้าหญิงเหวินเชิง ประทานพระองค์ให้มาแต่งงานกับกษัตริย์ของทิเบตนี่ล่ะ เจ้าหญิงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงนำเอาพุทธศาสนามาเผยแพร่ที่ดินแดนนี้

    ReplyDelete
  8. เมืองเจริญมากนะคะ

    ReplyDelete
  9. ได้หมุนกงล้อมนต์หรือเปล่า โอม มณี ปัทเมหุม

    ReplyDelete
  10. ปั่นจักรยานเที่ยว สุดยอด

    ReplyDelete
  11. มีทะเลสาบด้วย

    ReplyDelete
  12. ยอดสถูปเป็นรูปพระจันทร์กับพระอาทิตย์ เป็นตัวแทนของจักรวาล

    ReplyDelete
  13. ภูมิประเทศสวยจริงๆ

    ReplyDelete
  14. ขอเดาว่าเป็นธงมนต์นะคะ

    ReplyDelete
  15. ดูทุกรูปแล้วครับ สวยมากมาก

    ReplyDelete
  16. รูปในกุ...ทะยอย ออกมาให้ชม นะคะ...รอดู+++

    ReplyDelete
  17. ใช้มนต์ เสก เมฆ มาแน่เลย..

    ReplyDelete
  18. คราวหน้า..เอาโปสการด์นี้ไปขาย..เป็น ทุน นะคะ คริคริ

    ReplyDelete
  19. อลังฯ เกือบไม่เห็น หนุ่ม สาว มุมล่างขวา..."ดูฝีมือเพ่....โห ถ่ายได้ไง เพ่.""

    ReplyDelete
  20. ชัดจัง..แสงสาดส่อง..ตกบนเขา..

    ReplyDelete
  21. ขอบคุณครับ อาการแพ้ความสูงนี่น่ากลัวมากมายจริงๆครับ

    ReplyDelete
  22. ขอบคุณคร๊าฟฟฟ

    ReplyDelete
  23. เรียบๆ ดูสบายตา สบายใจดีครับ

    ReplyDelete
  24. ขอบคุณครับคุณปลา

    ReplyDelete
  25. แม่น้ำลาซาครับ อยู่นอกเมืองลาซาออกมานิดนึง ตรงนี้จะเป็นทางผ่านที่ไปจะทะเลสาบสวรรค์ครับ

    ReplyDelete
  26. ซากุระทิเบต ต้นอะไรไม่รู้มีแต่ดอกไม่มีใบ เขาปลูกไว้ทุกที่ทั่วเมืองเลยครับ

    ReplyDelete
  27. จุดที่ยืนถ่ายรูปแทบจะมีความสูงเท่ากันกับเมฆเลยละ

    ReplyDelete
  28. ไกด์ก็พยายามอธิบาย แต่ฟังไม่รู้เรื่อง เลยไม่ฟัง ไกด์เครียดเลย

    ReplyDelete
  29. ต้องไปหาหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พวกนี้มาดูมั่งแล้วละ พี่ซื้อ 7 years in Tibet มาเตรียมดูเมื่อสักปีกว่าๆ จนบัดนี้ยังไม่ได้ฉีกฉองเลย เฮ้อ

    ReplyDelete
  30. ใช่ครับ เมืองเจริญ ถนนหนทางดี ฟ้าฟ้า 24 ชั่วโมง แต่ส้วมยังเป็นแบบจีนโบราณอยู่เลยครับ อึ๋ยยยย

    ReplyDelete
  31. ไม่ได้หมุนเพราะเดินสวนทางกับเขาครับ

    ReplyDelete
  32. แค่เดินช้าๆยังหายใจไม่ทัน ถ้าต้องไปปั่นจักรยานด้วย พี่ว่าพี่คงหมดลมคาจักรยานแน่เลย

    ReplyDelete
  33. อยู่ด้านล่าง บริเวณทางลงของพระราชวังโปตาลาครับ

    ReplyDelete
  34. คอนเฟริม.... ไปสิกขิมเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ แต่ที่นี่ ถึงแล้วสวรรค์ จริงๆ คอนเฟริม

    ReplyDelete
  35. ขอบคุณครับผม @^_^@

    ReplyDelete
  36. ครับ จะทะยอย ทะยอย แต่อาจช้านิดนึง แหะๆ

    ReplyDelete
  37. สุดเขต เรียกเมฆอีกแล้ว ฮาๆๆ

    ReplyDelete
  38. แหม๋ ขอบคุณครับ คุณหล้าอุดหนุนผมด้วยนะ ราคากันเองแบบแพงพิเศษ ฮาๆ

    ReplyDelete
  39. นายแบบนางแบบสองคนนั่น เช็ครูปตัวเองนะ ไม่ได้เช็ครูปวิว แบบว่า ลมตีผมหรือเปล่า มุมนี้หล่อหรือยัง อะไรประมาณนั้น

    ReplyDelete
  40. ขอบคุณครับ เสียดายไม่ได้รูปตอนมืดที่เปิดไฟ มันรอไม่ไหวจริงๆ จะสามทุ่มแล้วฟ้าก็ยังไม่มืดเขาไม่เปิดไฟ แถมหิมะตกอีก หนาวจนทนไม่ไหว

    ReplyDelete
  41. ภาพมาระดับนึงแล้วก็โฟโต้ช็อปช่วยอีกแรงครับ

    ReplyDelete
  42. สวยได้ใจ จริง ๆ

    ReplyDelete
  43. ขอบคุณครับ ^_^

    ReplyDelete
  44. นี่ได้เมฆ มาแบบสะใจมากเลยน๊ะนี่

    แอบรักพี่ (เมฆ) เสียดายน้อง (ภูเขา) ด้วยหรือเปล่านี่

    ReplyDelete
  45. ภาพ สวย เด้ง ออกมาเลยค่ะ ^______-

    ReplyDelete
  46. สิ่งปลูกสร้าง ปะปนกับธรรมชาติ แปลกดีน๊ะค๊ะ

    ReplyDelete
  47. สวยจังค่ะ อยากไป อยากไป

    ReplyDelete
  48. ภาพนี้ ดูอลังการดีจังค่ะ

    ReplyDelete
  49. จำได้ว่า Brad Pitt เล่นใช่มั้ยค่ะ

    อยากดูเหมือนกันค่ะ ไว้ต้องไปหาบ้าง

    ReplyDelete
  50. ช่างหามุมสวย

    ReplyDelete
  51. เหมือนบ้นได ทำความดี ที่ต้องไต่ระดับ ไปเรื่อยๆ

    ดูมันสุดลูกหูลูกตาจัง เฮ้อ!

    ReplyDelete
  52. 555 ชอบมุมแบบนี้จัง

    จุ๋มชอบถ่ายรูปแบบนี้ แล้วบุ๋มว่า "ถ่ายอะไรครึ่งๆ กลางๆ" 555

    มีเพื่อนแล้ว

    ReplyDelete
  53. เหมือนว่า ก๊อดซิลล่า จะโผล่ออกมา

    ReplyDelete
  54. สวยคะ

    ว่าแต่ ทำไมเดือนสวนทางกับเค้าหล่ะคะ

    ReplyDelete
  55. เจ๋ง เจ๋ง อันนี้เจ๋งมาก

    ReplyDelete
  56. อดใจ ไม่ได้กับ เมฆ ใช่มั้ยนี่

    ReplyDelete
  57. วาดบนอะไรค๊ะ กำแพง?

    ReplyDelete
  58. สีแบบนี้ดูขลังจังค่ะ

    ReplyDelete
  59. จุ๋มเป็นส่วนนึงของจักรวาล 555

    ReplyDelete
  60. เค้าสลักหินแล้วค่อยลงสี เหรอค๊ะ สุดยอด

    ว่าแต่นี่คือ ตำนานเด็กช่างกลของเค้าหรือเปล่า

    ReplyDelete
  61. แล้ว ธงมนต์ คืออะไร

    ReplyDelete
  62. อิอิ ประมาณนั้นเลยครับ

    ReplyDelete
  63. ตอนถ่ายรูปนี้ ใจก็คิดว่า สักวันจะไปถ่ายรูปดอกซากุระที่ญี่ปุ่นให้ได้

    ReplyDelete
  64. ลาซาเป็นเมืองใหญ่ที่มีขุนเขารายรอบ เมืองเลยเป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติครับ

    ReplyDelete
  65. ข้างในแต่ละห้องจะมีองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระพุทธเจ้าองค์ก่อนนี้ องค์ปัจจุบันและองค์อนาคต ที่สำคัญคือพุทธศิลป์ที่นี่สวยงามมากกกกกกกกกกก ครับ ย้ำ มากกกกกกกกกกกกกกกก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะแต่ละห้องมืดเหลือเกิน เลยเก็บไว้ให้มาชมกันด้วยตัวเองดีกว่า

    ReplyDelete
  66. มันเดินตามคนด้วยนะ อ้อนๆ หน่ะ น่ารัก น่าอร่อย คิกคิก

    ReplyDelete
  67. ฟ้าเป็นใจครับ

    ReplyDelete
  68. ใช่ครับ แต่ตอนนี้ยังหา DVD ไม่เจอ แล้วก็ยังไม่ได้ดูเลยครับ v_v

    ReplyDelete
  69. ขอบคุณคร๊าฟฟฟ

    ReplyDelete
  70. แต่ละขั้นเหมือนย่างขึ้นไปหาพระเจ้า ต้องเดินๆหยุดๆเพราะเหนื่อยง่ายมากครับ

    ReplyDelete
  71. แหม๋ บุ๋มเขาประมาณว่าเปิดเผยตีแผ่ทุกสิ่งที่เห็น แต่ผมว่าบางมุมปิดๆไว้เป็นปริศนามั่งก็ดี

    ReplyDelete
  72. ฮาๆๆๆ ใช่เลย คิดอยู่เหมือนกันนะ ประมาณว่าเข้ามาถล่มเมือง แล้วอุลตร้าแมนมาช่วยไว้

    ReplyDelete
  73. แหะๆ นั่นสิ

    ReplyDelete
  74. กดชัตเตอร์ไม่ทัน อยากได้จักรยานวิ่งออกมากลางๆกว่านี้ แต่ไม่ทันซะแล้ว เสียดาย เสียดาย

    ReplyDelete
  75. ตรงสวนนี้ก็สวย เสียดายผมใช้เป็นแค่ทางเดินผ่านเพื่อกลับที่พัก ตั้งใจว่าเย็นๆจะไปเก็บภาพใหม่ แต่แล้วก็เกิดอาการขี้เกียจ เลยจบ

    ReplyDelete
  76. ฮาๆ จริงๆ มีรูปท้องฟ้ากับเมฆอย่างเดียวด้วยครับ

    ReplyDelete
  77. บนก้อนหินครับ เห็นภาพเขียนบนก้อนหินอยู่เรื่อยๆแทบทุกเมืองนะครับ

    ReplyDelete
  78. อยากกลับไปอีกจัง อยากได้รูปตอนกลางคืน

    ReplyDelete
  79. ฮาๆๆๆ ระหว่างนั่งรถไปอีกเมืองเห็นผ่านภูเขาหิน เขาเขียนรูปบันไดสีขาวไว้บนหิน เยอะเลย ดูแล้วก็ขันดีน่ารักหน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าเขามีความเชื่ออะไรแฝงอยู่หรือเปล่า ถึงได้วาดรูปบันไดไว้บนก้อนหิน

    ReplyDelete
  80. แม่น้ำลาซา เป็นจุดทำพิธีศพ เหมือนกับเนปาล เหมือนกับอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้เชื่อมต่อไปที่แม่น้ำคงคาครับ

    ReplyDelete
  81. คือธงที่เขียนบทสวดไว้บนธงครับ เมื่อลมพัดธงปลิวสบัดก็เหมือนกับว่าลมกำลังสวดมนต์แทนผู้แขวนธง

    ReplyDelete
  82. ขอบคุณค่ะสำหรับภาพงาม ๆ
    ขอชมเมืองผ่านมุมกล้องคุณสุดเขตด้วยคน

    ReplyDelete
  83. น่าเที่ยวมากมายเลยครับทิเบตนี่ ดีใจที่ได้ไปมาแล้ว คุ้มค่าที่ดั้นด้นไปมากครับ

    ReplyDelete
  84. ยินดีและขอบคุณที่ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมชมนะครับ

    ReplyDelete