
เป็นเมืองที่อยู่ในหุบเขาหิมะ มองรอบ 360 องศาก็จะเห็นภูเขาหิมะรายรอบ ปกติเดือนเมษาที่เมืองนี้หิมะหยุดตกแล้ว แต่ปีนี้โชคดีของเรา ไปกลางเมษาหิมะดันตก อากาศหนาวเย็นถูกใจคนขี้ร้อนเป็นที่สุด แต่ถ้าไปช่วงที่หมดหนาวหิมะละลาย ภูเขาจะเหมือนกองดินมหึมา ดูแห้งและแล้ง น่าสงสาร น่าเศร้าเพราะไม่มีต้นไม้บนภูเขาสักต้น

ลาซา เป็นเมืองหลวงของทิเบต ส่วนทิเบตก็เป็น 1 ใน 5 เขตการปกครองตนเองของจีน อีก 4 เขตการปกครองตนเองนอกเหนือจากทิเบตก็คือ "กวางสี", "มองโกเลียใน", "หนิงเซี่ย หุย" และ "ซินเจียง อุยกูร์" เราเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนบนรถไฟระหว่างเดินทางมาที่ลาซา เธอบอกว่ามาทิเบตเพราะเป็นอีกที่เดียวก็จะเก็บครบไปหมดทั้ง 5 เขตการปกครองพิเศษของจีนแล้ว เป็นการตั้งเป้าหมายการท่องเที่ยวที่ชัดเจนและทำให้สำเร็จได้จริง อย่างนี้ก็ดีนะตั้งเป้าหมายที่เห็นว่าทำให้สำเร็จได้ภายในเวลาที่เหมาะสม เมื่อสำเร็จแล้วก็ตั้งเป้าหมายใหม่ต่อไป ส่วนเราเป็นประเภทเวิ่นเว๊อ ไอ้โน่นก็อยากไป ไอ้นี่ก็อยากไป สุดท้ายไปโน่น ไปนี่ แต่ถ้าใครมาถามเป้าหมายของการเดินทาง ก็คงได้แต่อ้ำอึ้งเพราะไม่มี
เห็นน้องบางคนในมัลติพลาย ตั้งเป้าหมายว่า จะไปกางเต็นท์นอนที่ อช.ของเมืองไทยให้ครบทุก อช. (อุทยานแห่งชาติ) กลับมาคิดดูแล้ว น่าจะสนุกกว่าเที่ยวแบบไม่มีเป้าหมายนะ ได้ลุ้นกับตัวเองว่าสำเร็จไปกี่แห่งแล้ว ถ้าทำได้ครบคงเพิ่มความภูมิใจเข้ามาอีกอย่างแน่ๆ

กลับมาที่ลาซาดีกว่านะ พระราชวังโปตาลา ในลาซาเป็นศูนย์กลางแห่งศรัทธาต่อพุทธศาสนานิกายวัชรยาน (นิกายเดียวกันกับที่ภูฐาน) สร้างขึ้นมาเมื่อง 1,300 ปีก่อน ตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยกษัตริย์ซงเซินกัมโป แต่ต่อมาก็ถูกทำลายแล้วก็สร้างใหม่หลายครั้งหลายครา โดยเริ่มแรกนั้นพระองค์ต้องการสร้างเป็นเพียงแค่ป้อมและตำหนักของมเหสีสองพระองค์ พระองค์หนึ่งมาจากจีนส่วนพระมเหสีอีกพระองค์มาจากเนปาล ทั้งสองมเหสีนับถือและเลื่อมใสศรัทธาในศาสนาพุทธอย่างสูงจนถึงขนาดทำให้องค์กษัตริย์ที่เดิมนับถือลัทธิบอนหันมาสนใจและศรัทธาจนเปลี่ยนมานับถือศาสนาพุทธ หลังจากนั้นกษัตริย์จึงได้ปรับปรุงและใช้ป้อมแห่งนี้เป็นที่ศึกษาและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า จนศาสนาพุทธเจริญและแพร่หลายไปทั่วทิเบต
เมื่อสิ้นยุคกษัตริย์ ราชวงศ์ทิเบตแล้ว องค์ดาไลลามะ ก็เป็นจุดศูนย์รวมทั้งศาสนาและการปกครอง วังแห่งนี้จึงกลายเป็นที่อยู่ขององค์ดาไลลามะและพระภิกษุ
ผ่านมาจนถึงยุคของดาไลลามะองค์ที่ 5 ท่านมีพระบัญชาให้สร้างเป็นวังซ้อนวัง โดยชั้นนอกเรียกวังขาว (ทาสีขาว) ชั้นในสร้างวังแดง (ทาสีแดง) แล้วก็มีอาคารสีเหลืองเป็นตัวเชื่อมวังทั้งสองสีเข้าด้วยกัน มีความสูงทั้งหมด 13 ชั้น มีห้อง 1,000 กว่าห้อง วังขาวเป็นส่วนของฆราวาส โรงพิพม์ โรงเรียน ส่วนวังแดงเป็นส่วนของพุทธาวาส ใช้ในการประกอบกิจสงฆ์ มีพรสถูปที่บรรจุพระศพขององค์ดาไลลามะอยู่ 8 สถูป
ปัจจุบันนี้พระราชวังโปตาลา ไม่ใช่ที่อยู่ขององค์ดาไลลามะอีกแล้ว เนื่องจากจีนเข้ายึดครองทิเบต องค์ดาไลลามะซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจและการปกครองของชาวทิเบตที่ต่อต้านการยึดครองของจีนจึงต้องลี้ภัยอยู่ในประเทศอินเดีย พระราชวังโปตาลาจึงกลายเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญในอดีต เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม
เราถ่ายรูปอย่างอิสระได้ที่ภายนอก แต่ภายในวังไม่อนุญาติให้ถ่ายรูป

นอกจากพระราชวังโปตาลาแล้ว ในลาซายังมี พระอารามเดรปุง วัดโจคัง และวัดเซรา ทั้ง 3 แห่ง ก่อสร้างกันมาเก่าแก่และยืนยงอยู่อย่างยาวนานกว่าพันปี ภายในห้องต่างๆของวัด หากต้องการถ่ายรูปจะต้องจ่ายเงินให้พระ บางห้อง 10 หยวน บางห้อง 20 หยวน บางห้องก็ 100 หยวน ขึ้นอยู่กับว่าห้องนั้นกว้างและมีความสำคัญมากน้อยยังไง
เราเลยไม่ได้ถ่ายรูปภายในห้องต่างๆ เพราะไม่รู้ว่าถ้าจะถ่ายให้หมดให้ครบแล้วต้องใช้เงินรวมกันเท่าไหร่ คงหลายแน่ๆเพราะแต่ละวัดก็ห้องเยอะเหลือเกิน อีกอย่างภายในก็มืดมาก มีแสงสว่างน้อยดูเคร่งครึมสมกับเป็นศาสนสถานและไม่เหมาะที่จะใช้แฟลช หากใครต้องการถ่ายรูปภายในห้องต่างๆของวัดต้องเตรียมเลนส์ fix f1.4 ไปด้วยครับ
ที่วัดเซรา จะมีการทำตรรกวิภาษ ซึ่งเป็นเหมือนกับการทำปุจฉา-วิสัชนา ของพระในสวนของวัด มีลีลาที่ทางที่เอาจริงๆเอาจัง ขึงขัง ประมาณว่าโต้วาทีเลยทีเดียว
ส่วนบริเวณรอบๆวัดโจคัง จะเป็นแหล่งขายสินค้าที่ระลึก และเป็นสถานที่ที่ชาวทิเบตจะมาทำ การสักการะพระพุทธศาสนาในแบบทิเบต ที่นอนกราบแบบนอนราบกับพื้น ชาวทิเบตบอกว่าอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งในชีวิตที่ต้องมาทำท่ากราบแบบนี้รอบวัดโจคัง (ระยะทางไม่ใช่น้อย)
ใครจะซื้อของฝากจากทิเบต ให้จัดการซื้อที่บริเวณรอบวัดโจคังนี่เลยครับ ออกไปเมืองอื่นๆก็แทบจะไม่มีอะไรให้เลือกซื้อแล้ว

สิ่งที่ต้องเตรียมไปลาซา คือ ยาแก้ปวดหัว เราใช้ลาซาเป็นจุดแรกในการเยี่ยมชมทิเบต ทำให้ร่างกายอาจจะยังปรับตัวกับระดับความสูงเหนือน้ำทะเลได้ไม่ดีนัก มีอาการหูอื้อ ปวดหัว ต้องอาศัยยาแก้ปวดเป็นตัวช่วย อีกอย่างก็คือพวกยาทาแก้ปวดเมื่อย เพราะต้องเดินเยอะแล้วก็มีบางส่วนที่ต้องเดินขึ้นบันไดสูง เดินขึ้นเนินที่สูง
นอกๆเมืองลาซา มีแม่น้ำลาซาที่สวยงาม (มาก) และก็เป็นสถานที่ประกอบพิธีศพของชาวทิเบตด้วย โดยรวมๆแล้วลาซาเป็นเมืองที่สวย มีสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง จึงเป็นอีกเมืองที่ถ้ามีเงินมีเวลาไปอีก ก็จะไปแบบไม่ลังเลเลยครับ
ReplyDeleteสวยมากมาย..แค่ดูรูป AMS ก็กำเริบละ
ReplyDeleteสุดๆ
ลูกเล่น สวยมากครับพี่
ReplyDeleteว้าวววววว
ReplyDeleteชอบบบบบ
ReplyDeleteชอบจัง
ReplyDeleteงามครับ
ReplyDeleteงดงาม
ReplyDeleteสวยจริงๆ
ReplyDeleteเยี่ยมครับ
ReplyDeleteข้างหลังคืออะไรครับ
ReplyDeleteใบร่วงหมดเหลือแต่ดอก สวยจริงๆเลย
ReplyDeleteอลังการมาก
ReplyDeleteว้าว
ReplyDeleteบนหลังคาวัดที่แถบนี้ มักจะมีรูปกวางสีทองกับธรรมจักรประดับอยู่ทุกหลังคาวัด รู้สึกจะเป็นสัญลักษณ์แทนการตรัสรู้
ReplyDeleteเมื่อก่อนบุ๋มเคยดูหนังจีน ตอนที่กษัตริย์จีน ราชวงศ์ถัง (มั้ง) พระบิดาของเจ้าหญิงเหวินเชิง ประทานพระองค์ให้มาแต่งงานกับกษัตริย์ของทิเบตนี่ล่ะ เจ้าหญิงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนามาก จึงนำเอาพุทธศาสนามาเผยแพร่ที่ดินแดนนี้
ReplyDeleteเมืองเจริญมากนะคะ
ReplyDeleteได้หมุนกงล้อมนต์หรือเปล่า โอม มณี ปัทเมหุม
ReplyDeleteปั่นจักรยานเที่ยว สุดยอด
ReplyDeleteมีทะเลสาบด้วย
ReplyDeleteยอดสถูปเป็นรูปพระจันทร์กับพระอาทิตย์ เป็นตัวแทนของจักรวาล
ReplyDeleteภูมิประเทศสวยจริงๆ
ReplyDeleteขอเดาว่าเป็นธงมนต์นะคะ
ReplyDeleteดูทุกรูปแล้วครับ สวยมากมาก
ReplyDeleteรูปในกุ...ทะยอย ออกมาให้ชม นะคะ...รอดู+++
ReplyDeleteใช้มนต์ เสก เมฆ มาแน่เลย..
ReplyDeleteคราวหน้า..เอาโปสการด์นี้ไปขาย..เป็น ทุน นะคะ คริคริ
ReplyDeleteอลังฯ เกือบไม่เห็น หนุ่ม สาว มุมล่างขวา..."ดูฝีมือเพ่....โห ถ่ายได้ไง เพ่.""
ReplyDeleteสวยมากมาย..
ReplyDeleteชัดจัง..แสงสาดส่อง..ตกบนเขา..
ReplyDeleteขอบคุณครับ อาการแพ้ความสูงนี่น่ากลัวมากมายจริงๆครับ
ReplyDelete@^_^@
ReplyDeleteขอบคุณคร๊าฟฟฟ
ReplyDeleteเรียบๆ ดูสบายตา สบายใจดีครับ
ReplyDeleteขอบคุณครับคุณปลา
ReplyDeleteแม่น้ำลาซาครับ อยู่นอกเมืองลาซาออกมานิดนึง ตรงนี้จะเป็นทางผ่านที่ไปจะทะเลสาบสวรรค์ครับ
ReplyDeleteซากุระทิเบต ต้นอะไรไม่รู้มีแต่ดอกไม่มีใบ เขาปลูกไว้ทุกที่ทั่วเมืองเลยครับ
ReplyDeleteจุดที่ยืนถ่ายรูปแทบจะมีความสูงเท่ากันกับเมฆเลยละ
ReplyDeleteไกด์ก็พยายามอธิบาย แต่ฟังไม่รู้เรื่อง เลยไม่ฟัง ไกด์เครียดเลย
ReplyDeleteต้องไปหาหนังเกี่ยวกับประวัติศาสตร์พวกนี้มาดูมั่งแล้วละ พี่ซื้อ 7 years in Tibet มาเตรียมดูเมื่อสักปีกว่าๆ จนบัดนี้ยังไม่ได้ฉีกฉองเลย เฮ้อ
ReplyDeleteใช่ครับ เมืองเจริญ ถนนหนทางดี ฟ้าฟ้า 24 ชั่วโมง แต่ส้วมยังเป็นแบบจีนโบราณอยู่เลยครับ อึ๋ยยยย
ReplyDeleteไม่ได้หมุนเพราะเดินสวนทางกับเขาครับ
ReplyDeleteแค่เดินช้าๆยังหายใจไม่ทัน ถ้าต้องไปปั่นจักรยานด้วย พี่ว่าพี่คงหมดลมคาจักรยานแน่เลย
ReplyDeleteอยู่ด้านล่าง บริเวณทางลงของพระราชวังโปตาลาครับ
ReplyDeleteคอนเฟริม.... ไปสิกขิมเหมือนได้ขึ้นสวรรค์ แต่ที่นี่ ถึงแล้วสวรรค์ จริงๆ คอนเฟริม
ReplyDeleteครับใช่
ReplyDeleteขอบคุณครับผม @^_^@
ReplyDeleteครับ จะทะยอย ทะยอย แต่อาจช้านิดนึง แหะๆ
ReplyDeleteสุดเขต เรียกเมฆอีกแล้ว ฮาๆๆ
ReplyDeleteแหม๋ ขอบคุณครับ คุณหล้าอุดหนุนผมด้วยนะ ราคากันเองแบบแพงพิเศษ ฮาๆ
ReplyDeleteนายแบบนางแบบสองคนนั่น เช็ครูปตัวเองนะ ไม่ได้เช็ครูปวิว แบบว่า ลมตีผมหรือเปล่า มุมนี้หล่อหรือยัง อะไรประมาณนั้น
ReplyDeleteขอบคุณครับ เสียดายไม่ได้รูปตอนมืดที่เปิดไฟ มันรอไม่ไหวจริงๆ จะสามทุ่มแล้วฟ้าก็ยังไม่มืดเขาไม่เปิดไฟ แถมหิมะตกอีก หนาวจนทนไม่ไหว
ReplyDeleteภาพมาระดับนึงแล้วก็โฟโต้ช็อปช่วยอีกแรงครับ
ReplyDeleteสวยได้ใจ จริง ๆ
ReplyDeleteขอบคุณครับ ^_^
ReplyDeleteนี่ได้เมฆ มาแบบสะใจมากเลยน๊ะนี่
ReplyDeleteแอบรักพี่ (เมฆ) เสียดายน้อง (ภูเขา) ด้วยหรือเปล่านี่
ภาพ สวย เด้ง ออกมาเลยค่ะ ^______-
ReplyDeleteสิ่งปลูกสร้าง ปะปนกับธรรมชาติ แปลกดีน๊ะค๊ะ
ReplyDeleteสวยจังค่ะ อยากไป อยากไป
ReplyDeleteน่ารักจัง
ReplyDeleteภาพนี้ ดูอลังการดีจังค่ะ
ReplyDeleteจำได้ว่า Brad Pitt เล่นใช่มั้ยค่ะ
ReplyDeleteอยากดูเหมือนกันค่ะ ไว้ต้องไปหาบ้าง
ช่างหามุมสวย
ReplyDeleteเหมือนบ้นได ทำความดี ที่ต้องไต่ระดับ ไปเรื่อยๆ
ReplyDeleteดูมันสุดลูกหูลูกตาจัง เฮ้อ!
555 ชอบมุมแบบนี้จัง
ReplyDeleteจุ๋มชอบถ่ายรูปแบบนี้ แล้วบุ๋มว่า "ถ่ายอะไรครึ่งๆ กลางๆ" 555
มีเพื่อนแล้ว
เหมือนว่า ก๊อดซิลล่า จะโผล่ออกมา
ReplyDeleteสวยคะ
ReplyDeleteว่าแต่ ทำไมเดือนสวนทางกับเค้าหล่ะคะ
เจ๋ง เจ๋ง อันนี้เจ๋งมาก
ReplyDeleteน้ำเขียวๆ
ReplyDeleteอดใจ ไม่ได้กับ เมฆ ใช่มั้ยนี่
ReplyDeleteวาดบนอะไรค๊ะ กำแพง?
ReplyDeleteสีแบบนี้ดูขลังจังค่ะ
ReplyDeleteจุ๋มเป็นส่วนนึงของจักรวาล 555
ReplyDeleteเค้าสลักหินแล้วค่อยลงสี เหรอค๊ะ สุดยอด
ReplyDeleteว่าแต่นี่คือ ตำนานเด็กช่างกลของเค้าหรือเปล่า
สวววววย
ReplyDeleteแล้ว ธงมนต์ คืออะไร
ReplyDeleteอิอิ ประมาณนั้นเลยครับ
ReplyDeleteตอนถ่ายรูปนี้ ใจก็คิดว่า สักวันจะไปถ่ายรูปดอกซากุระที่ญี่ปุ่นให้ได้
ReplyDeleteลาซาเป็นเมืองใหญ่ที่มีขุนเขารายรอบ เมืองเลยเป็นสิ่งก่อสร้างที่อยู่ในอ้อมกอดของธรรมชาติครับ
ReplyDeleteข้างในแต่ละห้องจะมีองค์พระพุทธรูปขนาดใหญ่ พระพุทธเจ้าองค์ก่อนนี้ องค์ปัจจุบันและองค์อนาคต ที่สำคัญคือพุทธศิลป์ที่นี่สวยงามมากกกกกกกกกกก ครับ ย้ำ มากกกกกกกกกกกกกกกก แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาเพราะแต่ละห้องมืดเหลือเกิน เลยเก็บไว้ให้มาชมกันด้วยตัวเองดีกว่า
ReplyDeleteมันเดินตามคนด้วยนะ อ้อนๆ หน่ะ น่ารัก น่าอร่อย คิกคิก
ReplyDeleteฟ้าเป็นใจครับ
ReplyDeleteใช่ครับ แต่ตอนนี้ยังหา DVD ไม่เจอ แล้วก็ยังไม่ได้ดูเลยครับ v_v
ReplyDeleteขอบคุณคร๊าฟฟฟ
ReplyDeleteแต่ละขั้นเหมือนย่างขึ้นไปหาพระเจ้า ต้องเดินๆหยุดๆเพราะเหนื่อยง่ายมากครับ
ReplyDeleteแหม๋ บุ๋มเขาประมาณว่าเปิดเผยตีแผ่ทุกสิ่งที่เห็น แต่ผมว่าบางมุมปิดๆไว้เป็นปริศนามั่งก็ดี
ReplyDeleteฮาๆๆๆ ใช่เลย คิดอยู่เหมือนกันนะ ประมาณว่าเข้ามาถล่มเมือง แล้วอุลตร้าแมนมาช่วยไว้
ReplyDeleteแหะๆ นั่นสิ
ReplyDeleteกดชัตเตอร์ไม่ทัน อยากได้จักรยานวิ่งออกมากลางๆกว่านี้ แต่ไม่ทันซะแล้ว เสียดาย เสียดาย
ReplyDeleteตรงสวนนี้ก็สวย เสียดายผมใช้เป็นแค่ทางเดินผ่านเพื่อกลับที่พัก ตั้งใจว่าเย็นๆจะไปเก็บภาพใหม่ แต่แล้วก็เกิดอาการขี้เกียจ เลยจบ
ReplyDeleteฮาๆ จริงๆ มีรูปท้องฟ้ากับเมฆอย่างเดียวด้วยครับ
ReplyDeleteบนก้อนหินครับ เห็นภาพเขียนบนก้อนหินอยู่เรื่อยๆแทบทุกเมืองนะครับ
ReplyDeleteอยากกลับไปอีกจัง อยากได้รูปตอนกลางคืน
ReplyDeleteฮาๆๆๆ ระหว่างนั่งรถไปอีกเมืองเห็นผ่านภูเขาหิน เขาเขียนรูปบันไดสีขาวไว้บนหิน เยอะเลย ดูแล้วก็ขันดีน่ารักหน่ะ แต่ไม่แน่ใจว่าเขามีความเชื่ออะไรแฝงอยู่หรือเปล่า ถึงได้วาดรูปบันไดไว้บนก้อนหิน
ReplyDeleteแม่น้ำลาซา เป็นจุดทำพิธีศพ เหมือนกับเนปาล เหมือนกับอินเดีย เพราะแม่น้ำสายนี้เชื่อมต่อไปที่แม่น้ำคงคาครับ
ReplyDeleteคือธงที่เขียนบทสวดไว้บนธงครับ เมื่อลมพัดธงปลิวสบัดก็เหมือนกับว่าลมกำลังสวดมนต์แทนผู้แขวนธง
ReplyDeleteน่าเที่ยวจริงๆ
ReplyDeleteขอบคุณค่ะสำหรับภาพงาม ๆ
ReplyDeleteขอชมเมืองผ่านมุมกล้องคุณสุดเขตด้วยคน
น่าเที่ยวมากมายเลยครับทิเบตนี่ ดีใจที่ได้ไปมาแล้ว คุ้มค่าที่ดั้นด้นไปมากครับ
ReplyDeleteยินดีและขอบคุณที่ยังคงแวะเวียนมาเยี่ยมชมนะครับ
ReplyDelete