ดูรูปในอัลบั้มทิเบตทั้งหมดคลิ๊กที่นี่
อีกครั้งของความพยายามที่จะสานฝันในวัยเด็ก
กับเรื่องราวแห่งขุนเขาที่สูงเสียดฟ้า ที่พ่อเล่าว่าเป็นที่พำนักของเหล่าทวยเทพ
ผู้ควบคุมก้อนเมฆ สายลมและแสงแดด สถานที่ที่คนธรรมดาอย่างเราไม่อาจไปถึง
เรื่องราวน่าอัศจรรย์ต่างๆในนิทานก่อนนอนของพ่อ ทำให้เด็กน้อยหลับและฝันไปว่าตัวเองเป็นหนึ่งในเหล่าเทพที่อยู่บนขุนเขานั้น
ตื่นเช้า
รีบบอกพ่อว่า ไม่ต้องตกใจเมื่อคืนไปอยู่กับเทพบนเขามาครับ… เรื่องของวัยเด็กผ่านมาเนิ่นนาน
แต่คิดถึงทีไรก็อดอมยิ้มไม่ได้สักที ตอนเด็กๆทำไมเราน่ารักขนาดนั้นนะ
แล้ววันหนึ่ง
“โครงการย่ำหลังคาโลก” ก็มาถึง ต้องขอบคุณ คุณนิ่ม แห่ง http://lunarroom.wordpress.com/ เพื่อนที่พบและรู้จักกันในเส้นทางท่องเที่ยว
ครั้งที่ไปย่ำอินเดียเมื่อหลายปีก่อน สาวสวยที่ห้าวเกินตัว จัดทริปนี้และแบ่งปันที่ให้เราได้ร่วมเดินทาง
เธอบอกว่า “เดินทางไม่ลำบากหรอกค่ะพี่” ก็จริงที่ไม่ลำบากในการเดินทาง แต่เธอละไว้ไม่ได้บอกต่อว่า “แค่อยู่อย่างทรมานเท่านั้นค่ะ”
การเดินทางด้วยความหลงกล
กับความฝันที่อยากจะเห็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกอันเป็นที่พำนักของเหล่าทวยเทพในวัยเด็ก
เริ่มต้นจากจีน บนเส้นทางของรถไฟสายหลังคาโลก
จากเมืองเฉินตู มุ่งสู่ชิงไห่ และไปสิ้นสุดเส้นทางรถไฟที่ลาซาเมืองหลวงของทิเบต ก่อนที่จะนั่งรถโฟว์วีลไปยังเบสแคมป์
บนรถไฟเราใช้เวลาสองวันสองคืนสำหรับการเดินทาง น้ำท่าไม่ได้อาบ เจ้าของกิจการหอยดองกับไข่เค็มจึงแจ้งเกิดกันเต็มรถไฟไปหมด
พอเข้าถึงทิเบต คืนแรกก็ยังอาบน้ำไม่ได้อีก เขาไม่ให้อาบ เหตุผลคือเดี๋ยวจะไม่สบาย
สรุปว่า 3 วัน 3 คืนที่ไม่ได้อาบน้ำ นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้นของความอดทนก่อนไปนอนที่เบสแคมป์
รู้งี้ซื้อซีม่า โลชั่นจากเมืองไทยติดไปด้วยก็ดี

แต่สวรรค์ไม่เป็นอย่างฝัน…
ที่แค้มป์
มันเป็นแคมป็สำหรับนักท่องเที่ยว
ตั้งห่างออกมาจากแคมป์ของนักปีนเขาสามถึงสี่กิโล เป็นเต็นท์หนามิดชิดเพื่อป้องกันความหนาว
ตั้งอยู่บนลานราบ โอบล้อมด้วยขุนเขาสูงใหญ่ที่แห้งแร้ง ไร้ต้นไม้
ไร้เสียงนก มีแต่หิมะและความหนาวเหน็บ เรื่องอาบน้ำไม่ต้องพูดถึง เป็นไปไม่ได้ ที่นี่ไม่มีใครเขาอาบน้ำกัน
สงสัยจังว่าคนท้องถิ่นเขาอาบน้ำกันปีละกี่ครั้ง หรือกี่ปีถึงจะอาบน้ำสักครั้ง
ด้านในเต็นท์สามารถนอนรวมกัน 7 - 8 คน หรืออาจจะยัดไปถึง 10 ก็ได้ มีบริการอาหารและเครื่องดื่มให้ด้วยถ้าต้องการ น้ำถ้าไม่ซื้อน้ำขวดดื่มก็จะเป็นน้ำที่เอาหิมะมาต้ม มันจะสีขาวๆขุ่นๆเหมือนน้ำล้างขวดนมเด็กครับ ฮีทเตอร์ก็คือเตาสังกะสีที่เอามูลสัตว์มาเผาเพื่อให้ความร้อน เชื้อเพลิงชั้นเลิศของที่นั่นส่งกลิ่นอบอวลอยู่ในเต็นท์ ถูกใจคนติดดินและรักวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านเป็นยิ่งนัก แต่คนคนนั้นไม่ใช่ผมแน่สาบานได้
ด้านในเต็นท์สามารถนอนรวมกัน 7 - 8 คน หรืออาจจะยัดไปถึง 10 ก็ได้ มีบริการอาหารและเครื่องดื่มให้ด้วยถ้าต้องการ น้ำถ้าไม่ซื้อน้ำขวดดื่มก็จะเป็นน้ำที่เอาหิมะมาต้ม มันจะสีขาวๆขุ่นๆเหมือนน้ำล้างขวดนมเด็กครับ ฮีทเตอร์ก็คือเตาสังกะสีที่เอามูลสัตว์มาเผาเพื่อให้ความร้อน เชื้อเพลิงชั้นเลิศของที่นั่นส่งกลิ่นอบอวลอยู่ในเต็นท์ ถูกใจคนติดดินและรักวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบพื้นบ้านเป็นยิ่งนัก แต่คนคนนั้นไม่ใช่ผมแน่สาบานได้
ในเต็นท์มีผ้าห่มผ้านวมไว้ให้เยอะเลย
คงสักยี่สิบกว่าผืนได้มั้ง มีเตรียมไว้เยอะจริงๆ
เห็นแล้วก็อุ่นใจว่าคืนนี้หนาวแค่ไหนก็คงไม่เป็นไรเพราะผ้าห่มเยอะมีเตาเผามูลสัตว์ให้ความอบอุ่นด้วย
แต่ปรากฏ ว่า.....
ตรูรร…เกือบตาย ทรมาน
ฉ.ห.เลย เขาเลิกจุดเตาก่อนนอนเพราะมันไม่มีที่ระบายควัน ส่วนผ้าห่มไม่ช่วยอะไรได้สักเท่าไหร่ ลมไม่เข้าเต็นท์ก็จริงแต่ดึกๆมา เสียงลมที่ตีกระทบเต็นท์ดังยังกับว่าลมมันพยายามจะพังเต็นท์ให้ได้.... น้ำที่เหลือครี่งขวด 1.5 ลิตร์ เช้ามากลายเป็นน้ำแข็งก้อน ส่วนน้ำที่ยังอยู่เต็มขวดกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็งไปทั้งขวด
อากาศหนาวสุดๆ ทำให้ปวดฉี่บ่อยมาก ก็พยายามฝืนใจอั้นไว้ อั้นกันสุดๆจนอั้นไม่ไหว ต้องยอมออกไปนอกเต็นท์ โห... ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ ผมก็คงร้อง โอว์มายก็อด แต่สถานการณ์ตอนนี้ขออุทานตรงๆ แบบไม่เก็บกริยาว่า “เอี้ยยยยยยเอ๊ย...” มันนรกชัดๆ ทั้งลมทั้งหนาว เกิดมาไม่เคยเจอ แล้วส้วมอยู่ไหน ส้วมอยู่ไหน..... โน้น ส้วมอยู่หลังแค้มป์ ต้องเดินออกไปอีกหลายสิบเมตร ใครจะไปไหวยืนอยู่หน้าเต็นท์ก้าวขาแทบไม่ออกแล้ว จัดมันตรงนี้เลยนี่แหละ ใครออกมาทีหลังแล้วเหยียบฉี่เราลื่นล้ม ก็ถือว่าเมื่อชาติที่แล้วเขาเคยทำไม่ดีกับเราไว้ ระหว่างที่ยืนปลดปล่อยทุกข์ก็แหงนหน้ามองฟ้า ทำไมฟ้าต่ำอย่างนี้ ดาวที่นี่หนาแน่นยังกับการจราจรในกรุงเทพฯ สวยเกินบรรยาย แต่ไม่ไหวที่จะอยู่ชื่นชม ดาวจ๋า…ป๊าขอตัวกลับเข้าเต็นท์ดีกว่า

ในเต็นท์มืดมากครับ มืดมองอะไรไม่เห็นเลย เพราะเขาต้องทำเต็นท์หนาแล้วก็ปิดมิดชิดเพื่อไม่ให้ลมเข้าได้ นอนบิดเพราะทั้งหนาวทั้งฉี่จะราด คิดแล้วคิดอีกเอาไงดี มองอะไรไม่เห็นเลย... ยกมือตัวเองขึ้นมาดู เฮ้ย... มองไม่เห็นมือ ก็เข้าใจละว่าตัวเองดำ แต่มองไม่เห็นรูปทรงแม้กระทั่งลางๆเลย มันมืดสนิทจริงๆ มองไปมองมา เอ๊ะ... หรือว่าหนาวจนตาบอด
ตกใจละสิทีนี้.... เรื่องจริงเลย ตายละวาตาบอดแล้วจะทำยังไงกับชีวิตต่อไปละนี่ จะอยู่ยังไง มองอะไรไม่เห็น มันทรมานอย่างนี้เลยเหรอนี่.... คิดสะระตะแบบเสียขวัญไปเลยครับ ระหว่างประสาทเสียอยู่นั่นก็ลูบๆคลำๆตัวเองไปว่าแข้งขายังอยู่ครบไหม บังเอิญไปคลำเจอบุหรี่กับไฟแช็คในกระเป๋ากางเกง..... เหมือนสวรรค์มีจริง เหมือนเราทำความดีไว้มาก เหมือนเกิดมาพร้อมบุญเก่าเหลือเฟือ.... รีบจุดไฟแช็คเพื่อทดสอบว่าตัวเองตาบอดหรือเปล่า เฮ้อ... โล่งไป ไม่ได้บอดซะหน่อย
ก็ได้แสงสว่างจากไฟแช็คนั่นแหละ หาไฟฉายกับแว่นตาจนเจอ จากนั้นไปก็ไม่ได้นอนทั้งคืน หนาวสั่นทรมานจนนอนไม่หลับแล้วสักพักก็ปวดฉี่ ต้องออกไปทนหนาวยืนแหงนหน้ามองดาวและฉี่หน้าเต็นท์ วนอยู่อย่างนี้ มันเป็นคืนที่ยาวนานที่สุดในชีวิตแล้วละ อยู่ในเต็นท์นอนมองเพดานไปเรื่อยๆ เรียกว่าแสงแรกมา มองเห็นเพดานหลังคาเต็นท์ได้ลางๆ ก็เหมือนกับหลุดออกจากขุมนรก ดีใจที่เช้าเสียที เสียงเพื่อนๆลุกขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง เออ... เวลาตื่นนอนตรงกันเลยนะ แต่ปรากฏว่า จริงๆแล้วไม่มีใครนอนหลับ ทุกคนนอนทรมานรอแสงเช้ากันทั้งนั้น
เช้ามาก็ตามปกติสิครับ
ปวดท้องหนัก อยากระบาย ก็เดินไปที่ส้วม อุแม่เจ้า… มันเป็นส้วมหลุม
รู้จักส้วมหลุมไหมครับ
ก็แบบว่าขุดหลุมแล้วเอาไม้พาดวางให้เรานั่งหย่อนระเบิดนั่นละ แต่เขาพัฒนาแล้ว
พื้นเป็นพื้นปูนเจาะปล่องให้นั่งยองๆเล็งให้แม่นแล้วปล่อยลงไป
เหม็นมากไม่อยากจะเว่อร์ ที่หนักกว่านั้นนอกจากเป็นส้วมหลุมแล้ว
มันยังเป็นส้วมรางคู่ด้วยครับ คือ 1 ห้องเข้าพร้อมกันได้สองคน
นั่งคู่กันไป อบอุ่นดีพิลึก ประตูไม่มีที่ล็อคเพราะต้องให้โอกาสคนอื่นมานั่งคู่กับเรา
และยังมีช่องหน้าต่างเล็กๆให้คนข้างนอกมองเข้ามาว่ามีรางว่างพร้อมใช้งานหรือเปล่า

ผมตั้งใจว่ายังไงก็จะไม่เข้า แต่ร่างกายทรยศ มันปวดหนักและปวดมาก ก็อึ๊บบเอาวะ กั้นใจแป๊ปเดียว ปล่อยออกสักครึ่งท้องก็ยังดี เดินกลับไปใหม่ พอเปิดประตูเข้าไปเจอคนนึงนั่งอยู่ พี่แกพยักหน้าหงึกๆ ประมาณว่าเข้ามาสิตัวเองอีกรางยังว่าง... เหอะ ไม่ไหวอ่ะ เลยขอตัวปิดประตูให้แล้วออกมายืนหนาวรออยู่ข้างนอก
พอคนนั้นออกมาเราก็รีบเข้าหาเลย กลัวมีคนอื่นตามเข้ามา เหม็นมากก็กัดฟันทน เอาวะ..มันปะทุแล้ว หันไปมองที่ราง โห… ไม่บรรยายดีกว่านะ ขอให้รู้ว่าแค่ว่าผม "ขี้หด ตดหาย" ทำธุระไม่ลงจริงๆ
โชคดีที่ตามแผนเรากลับออกจากแค้มป์เช้านั้นครับ
ถ้าเพื่อนคนไหนเกิดอาการอินอยากอยู่ต่ออีกคืน ผมตัดเพื่อนแน่ๆ ขากลับออกไปสู่เมือง
เราใช้เส้นทางคนละเส้นทางกับขามา ผ่านจุดที่บรรจบกันระหว่างทะเลทรายกับเทือกเขาหิมะ
สวยมากครับ แต่ถนนไม่ดี จริงๆคือแทบไม่มีถนน วิ่งกันบนลานหินนั่นแหละ
อันนี้ก็อีกหนึ่งความสุดยอด มันเป็นเหมือนหินลานหินแม่น้ำกลมๆแต่มันเป็นก้อนใหญ่
ไม่ใช่ลานแผ่นหินเรียบเรียบ รถวิ่งกระโดกกระเดกจนโช็คพัง แล้วดันทะลึ่งมาพังด้านที่เรานั่ง
ตูดระบมเลยสิ ก้นกบชาเหมือนจะหัก.... นึกดูนะคนปวดถ่ายไม่ได้ถ่าย
แล้วมานั่งรถที่มันกระโดกกระเดกกระเด้งกระดอนแบบนี้ มันต้องมีวิชาขมิบขั้นเทพเท่านั้นถึงจะเอาอยู่
แถมไข้ขึ้นเพราะเมื่อคืนหนาวมากแล้วก็ไม่ได้นอนด้วย กว่าจะพ้นช่วงทรหดออกมาจนถึงถนนเรียบๆได้
ก็กินเวลาไปหลายชั่วโมง ได้แวะร้านอาหารนึกว่าสบายแล้ว ได้ปลดทุกข์เสียที
พอเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ก็ต้องยืนอึ้ง เกิดอาการน้ำตาซึม
ส้วมหลุมรางคู่อีกแล้วครับท่าน
ผมตั้งใจว่ายังไงก็จะไม่เข้า แต่ร่างกายทรยศ มันปวดหนักและปวดมาก ก็อึ๊บบเอาวะ กั้นใจแป๊ปเดียว ปล่อยออกสักครึ่งท้องก็ยังดี เดินกลับไปใหม่ พอเปิดประตูเข้าไปเจอคนนึงนั่งอยู่ พี่แกพยักหน้าหงึกๆ ประมาณว่าเข้ามาสิตัวเองอีกรางยังว่าง... เหอะ ไม่ไหวอ่ะ เลยขอตัวปิดประตูให้แล้วออกมายืนหนาวรออยู่ข้างนอก
พอคนนั้นออกมาเราก็รีบเข้าหาเลย กลัวมีคนอื่นตามเข้ามา เหม็นมากก็กัดฟันทน เอาวะ..มันปะทุแล้ว หันไปมองที่ราง โห… ไม่บรรยายดีกว่านะ ขอให้รู้ว่าแค่ว่าผม "ขี้หด ตดหาย" ทำธุระไม่ลงจริงๆ

เรื่องไปนอนแคมป์ครั้งนี้เป็นอะไรที่จำขึ้นใจ
เรียกว่าจำไปจนตาย แต่ถ้าถามว่าเข็ดไหม ไม่เข็ดครับ มีโอกาสเมื่อไหร่จะไปอีก
พื้นที่ส่วนอื่นๆของทิเบตก็สวยมาก วัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชุมชนตั้งแต่ครั้งโบราณจนถึงปัจจุบันก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย
เสน่ห์ของทิเบตแรงเกินกว่าจะมีอะไรมายั้งไม่ให้ผมกลับไปเยือน
ไปอีกเมื่อไหร่ชวนบุ๋มมั่งนะ ขู่แค่นี้ไม่กลัวหรอก ชิ
ReplyDeleteฮาๆๆๆ เท่าที่ได้ฟีดแบ็คมาจากเพื่อนๆ ยิ่งขู่ยิ่งจะไปกันนะนี่
Deleteยินดีในความสำเร็จไปอีกขั้นค่ะ คุณเขต
ReplyDeleteขอบคุณครับ @^_^@ น่าจะเล่มแรกและเล่มสุดท้ายไปในตัว ฮาๆๆๆ
Deleteกำลังจะไปทิเบตครั้งแรกในชีวิตค่ะ เลยเข้ามาหาข้อมูลว่าเราต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ชัดแจ้งมากค่ะ โชคดีที่จิตนาการมันไม่สามารถสร้างกลิ่นได้ ไม่อย่างนั้นคงจะหัวเราะไม่ออก ตอนนี้ยังนั่งเช็ดน้ำตาอยู่เลย อย่างไรก็ดี สิ่งที่เห็นจากภาพ คงไม่เหมือนกับเห็นด้วยตา เพราะฉะนั้นไม่พลาดแน่นอนค่ะ ส่วนรางคู่..........ก็จะคิดเสียว่าเป็นวิบากกรมที่ต้องเผชิญ ขอบคุณมากนะคะ
ReplyDeleteขอให้เที่ยวให้สนุกนะครับ ถ้าไปช่วงนี้คงหนาวมากเลยครับ
DeleteThis comment has been removed by the author.
ReplyDeleteโปรโมชั่น pg slot รวมโปรสล็อต PG โปรโมชั่นดีๆสุดพิเศษและก็ร้อนแรงมาเสนอแนะสำหรับคุณ สำหรับสาวกสล็อตตัวจริงต้องห้ามพลาดกับโปรโมชั่นที่พวกเราเตรียมความพร้อมมายกให้คุณทุกวัน
ReplyDelete